'e-Payment' หนึ่งผลงานโดดเด่นของรัฐบาลปัจจุบัน
หลังจากที่โลกเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ต แทบทุกอย่างก็ถูกขับเคลื่อนให้เร็วขึ้น เพื่อตอบสนองกับความต้องการที่มากขึ้น และรวดเร็วขึ้น เพราะคนเริ่มคุ้นเคยกับความสะดวกรวดเร็วในแทบจะทุกกิจกรรมแล้ว ข้อดีที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโลกยุคไร้สายนี้ ก็คือเรื่องของ 'ธุรกรรมทางการเงิน' ที่สะดวกขึ้นมาก เมื่อเทียบกับยุคก่อนหน้าที่เรามีทางเลือกแค่การต้องไปธนาคาร หรือตู้กดเงินสดเพื่อโอน ถอน หรือทำธุรกรรมอื่นๆ
สำหรับในประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่พร้อมๆกับทั่วโลก ได้มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน นั่นคือการเร่งพัฒนาระบบ e-Payment ซึ่งรัฐบาลในสมัยของพลเอกประยุทธ์ ได้ศึกษาและพัฒนาจนสำเร็จออกมาให้พร้อมใช้งานได้จริง ตั้งแต่ช่วงปี 2559 ระบบนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อความสะดวกรวดเร็ว และเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ แทนวิธีเดิมที่การทำธุรกรรมมักจะต้องทำผ่านระบบธนาคารและต้องใช้เงินสด ระบบนี้ยังช่วยให้รัฐบาลลดรายจ่ายที่เกิดจากการต้องพิมพ์เงินออกมาด้วย
ระบบที่ประสบความสำเร็จและถูกใช้กันแพร่หลายที่สุดในปัจจุบัน ก็คือ 'พร้อมเพย์ (PromtPay)' ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยลดขั้นตอนและประหยัดค่าธรรมเนียม รวมถึงใช้งานง่าย และเข้าถึงในทุกขนาดธุรกิจ สามารถใช้งานได้ง่ายผ่านอุปกรณ์พกพาทั่วไป
หลังจากติดขัดปัญหามากมายในช่วงแรกที่เปิดให้บริการ ในปัจจุบันคนไทยคุ้นเคยกับระบบ e-Payment นี้ดีแล้ว มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง สะดวก ประหยัดเวลาและปลอดภัยด้วย
จากสถิติในเดือนกันยายน ปี 2565 มีคนไทยใช้บริการพร้อมเพย์ราวๆ 70 ล้านบัญชี มีการใช้งานเฉลี่ย 29.5 ล้านครั้งต่อวัน คิดเป็นมูลค่าวันละ 94,000 ล้านบาท และจากความสำเร็จของระบบนี้ ในปี 2564 ประเทศไทยยังติดอันดับที่ 3 ของโลก ประเทศที่มียอดการทำธุรกรรมแบบชำระเงินสูงที่สุด ถึง 9700 ล้านครั้ง เป็นรองเพียงประเทศอินเดียและประเทศจีนเท่านั้น
ผลงานนี้ต้องยกความดีความชอบให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์นะครับ