เปิดเส้นทางมิจฉาชีพเปลี่ยนแผนขนหมูเถื่อน ... “ด่านชายแดน”
ข่าวการจับกุมผู้กระทำผิดใน “ขบวนการหมูเถื่อน” หลายครั้ง มีการยึดและฝังทำลายของกลางหลายพันตัน แม้จะยังไม่เคยเปิดเผยตัวการใหญ่ได้สักครั้ง แต่ก็พอแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐเริ่มขยับตัวรุกหนักในการปราบปรามขบวนการหมูเถื่อนมากขึ้น ซึ่งมีผลโดยตรงให้เหล่ามิจฉาชีพอึดอัด และจำเป็นต้องหาช่องทางใหม่ๆ ในการขนย้ายหมูเหล่านั้นเข้ามาขายยังประเทศไทย
ในระยะแรกขบวนการนี้ใช้วิธีขนส่งหมูจากสหภาพยุโรปและอเมริกามาทางทะเล ใช้เวลาเป็นเดือนจึงเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง สำแดงเท็จเป็นสินค้าอื่น ก่อนขนถ่ายขึ้นรถบรรทุกแล้วกระจายไปเก็บสต็อก ยังห้องเย็นต่างๆในละแวกใกล้เคียง เช่น สมุทรสาคร นครปฐม ราชบุรี ฯลฯ ต่อมาก็มีการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง จากเดิมที่ใส่รถเก็บความเย็นไปห้องเย็น ก็เปลี่ยนเป็นขนถ่ายใส่รถบรรทุกพ่วง ตบตาเจ้าหน้าที่ว่าไม่ใช่รถเก็บความเย็นขนหมูเถื่อน ซึ่งก็ยังได้เห็นการจับกุมรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อคาถนนหลวงในกรุงเทพ
เมื่อขบวนการขนถ่ายหมูเถื่อนผ่านเส้นทางแหลมฉบังไปห้องเย็นต่างๆ เริ่มสะดุด ก็เกิดแนวทางใหม่ที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจจับอีก อาทิ การขนส่งขึ้นท่าเรือแหลมฉบัง แล้วทำเป็นสินค้านำผ่านขนส่งไปประเทศที่ 3 ซึ่งก็คือกัมพูชา เมื่อข้ามชายแดนไปแล้ว ก็ใช้วิธีให้ “กองทัพมด” ทยอยขนหมูเถื่อนขึ้นรถปิคอัพข้ามด่านชายแดนไทย-กัมพูชา
ล่าสุด ก็มีเส้นทางใหม่เกิดขึ้น ... เมื่อท่าเรือแหลมฉบังถูกมองว่าเป็นจุดหลักในการส่งหมูเถื่อนเข้าไทย ทำให้ความเข้มข้นในการตรวจจับมีมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะผลักดันตู้คอนเทนเนอร์ขนหมูเถื่อนนับร้อยตู้ออกจากแหลมฉบังกลับสู่ประเทศต้นทาง ... แต่เมื่อมิจฉาชีพ “ลงทุน” แล้วย่อมไม่ยอมขาดทุน และใช้วิธีหาเส้นทางใหม่ทดแทน โดยเส้นทางแรก คือ ตู้คอนเทนเนอร์หมูเถื่อนจะอ้อมไปขึ้นท่าเรือโฮจิมินห์ (ไซ่ง่อน) ผ่านพนมเปญ ปอยเปต เข้าสู่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยใช้เส้นทางสาย R1 และ เส้นทางที่สอง ขึ้นที่ท่าเรือดานัง ของประเทศเวียดนาม แล้วขนถ่ายด้วยรถวิ่งบนถนน R9, R2 ผ่านสะหวันนะเขตของ สปป.ลาว เข้าสู่ประเทศไทยที่ จ.นครพนม โดยทั้งสองเส้นทาง อาศัย “กองทัพมด” ขนถ่ายจากรถห้องเย็นฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมายังรถห้องเย็นในประเทศไทย
เห็นความพยายามของเหล่ามิจฉาชีพแล้ว ก็รู้เลยว่าหมูเถื่อนเหล่านี้มีราคาต้นทุนที่ต่ำมากขนาดไหน แม้จะมีค่าขนส่ง ค่าน้ำมัน ค่าพื้นที่เก็บสต็อก ฯลฯ เพิ่มขึ้นมาจากการเดินทางอ้อมไปขึ้นท่าเรือเวียดนามกี่หลายเท่าตัว ก็ยังสามารถนำเข้ามาขายคนไทย ฟันกำไรมหาศาลได้เต็มกระเป๋า ... ยังไม่นับระยะเวลาที่หมูต้องอยู่ในเรืออีกนับเดือน หมดอายุคาตู้คอนเทนเนอร์ไปก็มี ... นี่กระมังที่เขาเรียกว่า “หมูขยะ” ต้นทุนแทบเป็นศูนย์ ... ขายยังไงก็ได้กำไร ทำให้ไม่ต้องสงสัยในคุณภาพเลยว่าอยู่ในเกรดอันตรายปานใด ดูจากสภาพสินค้าที่ถูกจับกุมได้ เป็นซากหมูละลายน้ำแข็งที่มีกล่องแตกหักเสียหาย สกปรกและง่ายต่อการปนเปื้อน ดูแล้วไม่ใช่อาหารปลอดภัยที่คนไทยควรรับประทาน
สิ่งหนึ่งที่มิจฉาชีพอาจมองข้ามไป คือด่านชายแดนอรัญประเทศนั้น กำกับดูแลโดย “กองกำลังบูรพา” และยังเป็นพื้นที่ “กฏอัยการศึก” ซึ่งเป็นกฏหมายด้านความมั่นคงระดับเข้มข้น ดังนั้น กองทัพมดจะขยับอย่างไร ย่อมไม่พ้นสายตาของทหารไทยกองกำลังนี้
เชื่อได้ว่า “กองกำลังบูรพา” เป็นทหารที่สแกนหมูเถื่อนได้แม่นยำกว่าเครื่องเอ็กซเรย์ของ “กรมศุลกากร” และคงบอกเหล่ามิจฉาชีพได้แค่สั้นๆว่า “ถ้าอยากลองดี ... ก็ลองดู”