อุทาหรณ์!! เล่าถึงประสบการณ์แมลงเข้าหูสุดทรมาน
วันนั้น..ผมกำลังนั่งอ่านข่าวหน้าบ้านช่วงค่ำ ไฟไม่ได้เปิด มีเพียงแสงไฟจากจอโทรศัพท์
กำลังอ่านเพลินๆ เหมือนมีอะไรบินมาเกาะหู แล้วมันก็มุดเข้าไปทันที สัญชาตญาณเรา รีบเอามือปัด แต่ว่ามันช้าไป มันเข้าไปเร็วมาก ก็เลยเอานิ้วก้อยแหย่ตามเข้าไป หวังว่ามันจะติดนิ้วออกมา
เปล่าเลย..เรากลับเอานิ้วดันตูดมันเข้าไปอีก มันคงตกใจกลัวตาย มันก็ดิ้นรนเข้าไปอีก แต่ปกติเราจะต้องมีขี้หูเหนียวหนืดในนั้น เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอม นี่คงเป็นอุปสรรคใหญ่ของมัน ที่ไม่สามารถเข้าไปลึกได้
แต่มันก็เข้าไปลึกพอสมควร และติดแหง่กอยู่ตรงนั้น ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่ามันคือตัวอะไร แต่มันก็สร้างความเจ็บปวดพอสมควร
และคิดว่ามันต้องมีมือมีขา ที่เป็นหนาม เพราะทุกครั้งที่มันขยับตัว ราวกับฟ้าร้องภูเขาไฟระเบิด
ก็เลยรีบเอาน้ำกรอกหู หวังว่ามันจะสำลัก แล้วรีบออกมาหายใจ
กรอกจนหูน้ำเจิงนองก็ไม่มีวี่แวว..คือเราก็เข้าใจมันนะ ว่ามันเอาหัวเข้าไป คงยากจะถอยหลังกลับ.. สถานะการณ์ของมัน ก็คงแย่พอๆกะเรา
ผมเลยรีบแจ้นไปโรงบาลใกล้บ้าน พอไปถึงหมอเวร(หมอที่เข้าเวร)ก็ถาม ตัวอะไรเข้าไปคะ?(กูจารู้มั๊ยเนี้ย) ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่ามันบินได้ ชัวร์!!
ตายรึยังคะ...ยังครับ มันยังดิ้นอยู่
เขาก็ให้ผมไปนอนบนเตียง หมอเดินมาพร้อมเครื่องมือมากมายเป็นถาด ผมเห็นเขาหยิบปากคีบเล็กๆปลายงองุ้ม หมอน่าจะใช้อันนี้...ขอดูหน่อยนะ หมอบอก พร้อมดึงหูและเอาไฟฉายส่อง แล้วเอาเครื่องมือยัดเข้าไป
ผมรู้สึกได้ทันทีว่า หมอได้เอาอันนี้ไปแหย่ตูดมันอีกแล้ว มันก็เลยดิ้นสุดฤทธิ์ และมันเป็นช่วงเวลาเนิ่นนานเหมือนเป็นชั่วโมง...ถ้ามันพูดได้ มันคงบอก กุจะตายอยู่แล้ววว ยังเอาอะไรมาดันกุอี๊กก แคะไปแคะมา เหมือนหมอเค้าลุ้น ว่ามันเกือบได้แล้ว
เหงื่อผมไหลในห้องที่แอร์เย็นเฉียบ พยาบาลข้างๆเริ่มมาช่วยลุ้น ช่วยกันดึงหูให้กว้างขึ้น คน3-4คนกำลังดึงหูผมให้กว้างขึ้น หมอกระซิบบอกผมเป็ยระยะว่า ถ้าเจ็บบอกได้นะ (อยากจะตอบไปว่า กุเจ็บทุกวินาทีเลยคับหมอ)
สุดท้ายก็ไม่ได้ เพราะมันน่าจะเป็นแมลงปีกแข็ง(เขาบอก) ก็เลยแนะนำให้ผมไปโรงพยาบาลที่เขามีอุปกรณ์ และเป็นหมอเฉพาะทาง
เขาจึงแนะนำให้ไปโรงบาล จุดจุดจุด... ซึ่งมันไกลมาก เปิดแมฟจากที่ผมอยู่กว่า40กิโล(ผมอยู่ชานเมือง) รุ้เลยว่ารถมันติดตรงไหนบ้าง จะไหวไหมเรา
ผมขับรถไปต้องจอดเป็นระยะๆ เพราะมันดิ้นๆหยุดๆ และมันทรมานมาก พอเข้ามาในเขตเมือง รถก็เริ่มชลอตัว บางครั้งก็หยุดนิ่งนาน
ผมเห็นสะพานกลับรถไกลๆลิบ ซึ่งข้ามสะพานนั้นแล้วเข้าซอยอีกหน่อยจะถึงรพ...เร็วซี่ๆๆ(ผมพึมพำในใจ)...พอใกล้ถึงสะพาน มันมีทางเบี่ยงซ้ายเพื่อขึ้นสะพานกลับรถ ผมก็เริ่มออกซ้าย
จู่ๆมันก็ดิ้นขึ้นมาอย่างใหญ่หลวงและยาวนาน จนไม่สามารถทนได้ จอดข้างทางแล้วลงจากรถไปนั่งกุมหัวอยู่หน้ารถหลังพิงแบริเออ ร่างกายตอบสนองความเจ็บปวดด้วยมือทั้งสองข้างสั่น เหงื่อเต็มแขน หน้าผาก ความกลัว วิตกกังวลขึ้นสูงสุด
ได้ยินเสียงแตรเป็นระยะ ตกใจนึกขึ้นได้ว่าเราจอดกีดขวางพวกเขาอยู่ กลั้นใจลุกขึ้นจะไปถอยหลังรถออกจากทางออก เดินไม่เป็นเพราะขามันสั่น ต้องค่อยๆขยับทีละนิดๆ เมื่อขยับรถแล้วก็ฟุบหน้าที่พวงมาลัย มันยังคงดิ้นต่อเนื่อง
ผมนึกขึ้นได้ว่า ตลอดทางที่ผ่านมา ถ้าเราพยายามดันลมออกจากหู หรืออ้าปาก มันจะดิ้นทันที...ครั้งนี้จึงกลั้นความเจ็บด้วยการนิ่ง...พักใหญ่มันก็เริ่มนิ่งตามเลยรีบขับต่อน้ำตาไหลพราก
พอไปถึงโรงบาล เขาให้ผมไปที่ห้องฉุกเฉิน เพราะแมลงเข้าหูถือเป็นกรณีฉุกเฉิน(เพิ่งทราบ) และต้องเป็นแพทย์เฉพาะทาง หูคอจมูกประมาณนั้น..แต่หมอเพิ่งออกเวรไป น่าจะขับรถสวนไปกับผมแล้ว (ชีวิต) หน้าผมซีดเหมือนคนโดนโกงแชร์ เจ้าหน้าที่เห็นก็ช่วยโทรแจ้งหมอให้ว่า มีผู้ป่วยฉุกเฉินแมลงเข้าหู หมอก็รับปากว่าจะมาครับ เพราะเพิ่งออกไปไม่นาน
ในระหว่างที่รอหมอมา...ผมอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ตัวหนังสือemergencyสีแดงแปรด...และเห็นความเป็นจริงของชีวิต เพราะสังเกตุเห็นผู้ป่วยฉุกเฉินมากมาย บ้างป่วยด้วยโรค บ้างอุบัติเหตุ ผู้ป่วยบางคนก็เพิ่งหมดลมหายใจไป ที่เตียงฉุกเฉินในห้องนั้น
ที่โรคประจำตัวต่างๆเขามาโรงบาลไม่ทัน มีบางคนเจ้าหน้าที่เข็ญเตียงมาแจ้ง ยังพลิกไปพลิกมาร้องด้วยความเจ็บปวดกับโรคภัยตัวเอง
"หมอมาแล้วคะ" เจ้าหน้าที่แจ้งผม ผมสดุ้งและกลับมาสนใจปัญหาของตัวเอง เขาเดินนำผมไปอีกตึกหนึ่ง
ในห้องมีเตียงคล้ายหมอฟัน(ที่ปรับขึ้นลงได้) มีสปอร์ตไลท์ส่องสว่าง.. เขาสอบถามหลายอย่างและส่องดู แล้วเลือกใช้เครื่องมือดูด เพราะมันเข้าไปลึก คีบไม่ติดแน่ เพราะเห็นแต่ปีกที่โค้งมน หมอพูดพร้อมสอดท่อดูดเข้าไป
...พอเปิดเครื่องดูดเท่านั้น ผมแม่งไม่รู้จะอธิบายยังไง...คุณเคยดูหนังเรื่องTwisterมั๊ย...ผมนี่อยู่ใจกลางพายุเลยครับ
โอ้ยยย(นั่นคือเสียงร้องในใจ) เหมือนพายุมันหอบเราขึ้นไป เราพร้อมจะตกที่ไหนก็ได้เมื่อหมอปิดสวิตซ์
ออกมารึยังอ่ะ หมออออ!!! ผมเริ่มโวยวาย ...สุดท้ายมันก็ออกมาได้ครับ
ผมก้มหน้านั่งนิ่ง มึนไปหมด สักพักเหมือนมีเครื่องบินเจทขับผ่านหูไปเฟี้ยวๆๆๆนับไม่ถ้วน เงยหน้ามองหมอ หมอชูนิ้วชี้แล้วทำนิ้วงอๆเป็นตัวJ ได้ยินแว่วๆว่ามันมีขาแมลงเกี่ยวติดผนังหู ต้องคีบออกเดี๋ยวอักเสบ
เมื่อออกไปได้ หมอก็หยอดoilให้ แล้วรู้สึกดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วให้ผมมานั่งเอียงคออยู่หน้าห้อง...ชีวิตนี่มันไม่แน่นอนจริงๆ เราอ่านข่าวอยู่ดีๆ พักเดียวเรามาอยู่โรงบาลแล้ว
...แต่เรื่องของผมมันดูเล็กไปเลยนะ ถ้าเทียบกับผู้ป่วยที่ห้องฉุกเฉินเหล่านั้น ที่ญาติต่างมารอด้วยความกระวนกระวาย ทั้งเจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาล กำลังทำหน้าที่ของพวกเขา อย่างเต็มความสามารถ เพื่อช่วยชีวิต หรือยื้อชีวิตใครสักคนหนึ่ง ผมยืนอยู่ตรงนั้นร่วมครึ่งชั่วโมง เห็นมากับตา....ผมหวังว่าบทความนี้ จะมีประโยชน์บ้าง....ไม่มากก็น้อย ถึงแม้จะไม่ตรงคอนเซ็บกลุ่มเท่าไหร่นัก ก็ขออภัยด้วยครับ... เพราะเห็นว่า มันเป็นช่วงน้ำท่วม จะมีแมลงเยอะมาก หรืออาจเผลอนอนในที่ที่เสี่ยง... ต้องระวังกันด้วยนะครับ
และพฤติกรรมของคนสมัยนี้ ที่อาจเล่นมือถือในความมืดเยอะ แมลงมันจะบินเข้าหาแสงไฟ แม้แต่จอมือถือเช่นกัน
รวมไปถึงการให้ทางรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล เพราะเขาอาจมีผู้ป่วยที่ต้องไปให้ถึงมือแพทย์เร่งด่วน ทุกวินาทีมีค่ามาก...หลบได้ก็หลบเถอะครับ
ปล.ที่เห็นมีเลือดออกเพราะการแคะจากรพ.ใกล้บ้าน จนเป็นแผลที่ผนังหู แมลงที่เห็นคือด้วงดีด
________________________
อ้างอิงจาก: เฟส Santi Doungchan