ระหว่าง Starlink กับทรานซิสเตอร์อะไรดีกว่ากัน?

ระหว่าง Starlink กับทรานซิสเตอร์อะไรดีกว่ากัน? เมื่อเปรียบเทียบ

1.ราคาและจำนวนอุปกรณ์

2.ความสะดวก ทั้งสถานที่และทุกอริยาบท ในขณะอาบน้ำ ทำสวน ทำไร่ ทำนา ตัดเย็บเสื้อผ้า ทำงานบ้าน ทำครัว นวด สปา เสริมสวย ตัดผม ขายอาหารตามสั่ง ขายของในตลาดสด รวมทั้งขณะไปม็อบ

3.ความมั่นคงทางพลังงานและยั่งยืน เมื่อไม่มีไฟฟ้าใช้

4.คนทุกวัย ทั้งปกติและพิการ และทุกระดับความรู้ 

ฯลฯ

Elon Musk เจ้าของ Space X บริจาคดาวเทียม Starlink ให้กับฟลอริดาตะวันตกเฉียงใต้ หลังระบบไฟฟ้า-โทรคมนาคม ถูกตัดขาดโดยเฮอริเคน "เอียน"

'ทรานซิสเตอร์'
ความจำเป็นในช่วงภัยพิบัติ
ไม่ต้องจัดหนักเทคโนโลยี
.
กลายเป็นประเด็นอีกแล้ว หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวช่วงหนึ่งในการประชุมการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัยและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบผ่านระบบเทเลคอนเฟอเรนซ์เมื่อ 3 ต.ค. ที่ผ่านมาถึงการกำหนดพื้นที่เป้าหมายเศรษฐกิจ พื้นที่สุขภาพที่เกี่ยวกับโรงพยาบาลด้านสาธารณสุข ก็ต้องดูแลให้สามารถเข้าบริการได้ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการให้บริการไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์ ก็ต้องให้ใช้ได้นานที่สุด ถ้าระบบมันล่มไปทั้งหมด การสื่อสารแจ้งข้อมูลจะทำได้ลำบาก อาจจะต้องไปใช้วิทยุทรานซิสเตอร์ในการออกอากาศแจ้งเตือนประชาชนได้อีกทาง ซึ่งเคยใช้กันเมื่อปี 2554 เพราะตอนนั้นไฟฟ้าดับหมด ดังนั้นเราต้องเตรียมแผนตรงนี้ไว้ด้วยในกรณีที่อาจจะเกิดปัญหา
.
พลันที่มีคำว่า 'วิทยุทรานซิสเตอร์' หลุดออกมา ก็มีคนไทยกลุ่มหนึ่งจับตาและกล่าวว่านี่คือ 'ความล้าหลัง' และขำขันกันอย่างสนุก
.
แต่กลับกันภายใต้ความขบขันนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในปัญหาแบบผู้มีองค์ความรู้รอบด้านของผู้นำกับสถานการณ์ที่เป็นจริงได้อย่างสอดคล้องมากกว่า

แน่นอนว่าในบ้านเราตอนนี้ คนอาจจะติดภาพทรานซิสเตอร์ว่าโบราณ บ้านนอก แต่จริงๆ แล้ว วิทยุพกพาที่รับสัญญาณจากอากาศที่ไม่ได้ใช้สัญญาณดาวเทียมหรืออินเตอร์เน็ต ซึ่งมีขายในท้องตลาด ก็ล้วนแล้วแต่ใช้เทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ทั้งหมดในการรับสัญญาณ AM/FM

โดยวิทยุทรานซิสเตอร์นั้นใช้ระบบคลื่นสั้น AM ลักษณะเดียวกับที่ใช้ในวิทยุสื่อสารทหาร การรับส่งสัญญาณทำได้มีประสิทธิภาพมากกว่าคลื่น FM ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ลึกเข้าไปในป่าเขาก็รับสัญญาณได้หมด จึงเหมาะแก่การแจ้งเตือนภัยพิบัติ เพราะด้วยความที่สามารถใช้พลังงานถ่านไฟฉาย ซึ่งเป็นกระแสตรง (DC) โวลท์เตจต่ำ ไม่ต้องพะวงเรื่องการช็อตเมื่อเปียกน้ำ และเปลี่ยนถ่านทีหนึ่งก็อยู่ได้เป็นครึ่งๆ เดือน จึงเหมาะแก่การมีติดบ้าน ไว้รับข่าวสารยามน้ำท่วมที่สุด

ที่สำคัญประเทศไทยเป็นประเทศที่คนส่วนใหญ่ยังเป็นเกษตรกร อุปกรณ์ที่ให้ความเพลิดเพลินในยามทำงานยังคงเป็นวิทยุสื่อสารทรานซิสเตอร์ที่มีเนื้อหาสาระตรงกับวิถีชีวิตมากกว่า และทนทานต่อการใช้งาน ใช้ไฟฟ้าก็ได้ ใช้ถ่านไฟฉายก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะใช้ถ่านเพราะออกไปตามเรือกสวนไร่นาไม่มีปลั๊กไฟฟ้าให้เสียบ

หากใครได้ลองออกไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด ตามท้องไร่ท้องนา เป็นชาวสวนชาวไร่ชาวนาซักปีสองปี อาจจะได้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ที่แท้จริงของประเทศมีวิถีชีวิตยังไง

ไม่ใช่เอาความเป็นคนเมืองที่แค่ออกไปพักผ่อนหย่อนใจไม่กี่วัน แล้วมามโนวัดคนอื่นทั้งประเทศ

...