รถด่วนขบวนสุดท้ายของแบรดพิทปิดท้ายฤดูกาลหนังทำเงินซัมเมอร์ปีนี้ หลังจากนี้โรงหนังจะเหงาไปจนถึงอวตาร
ปีนี้เพิ่งเป็นปีแรกในยุคโควิดที่วงการภาพยนตร์ทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวหลังจากซบเซามาถึง 2 ปีเต็ม แต่ปริมาณของหนังทำเงินนั้นยังน้อยมากเมื่อเทียบกับยุคก่อนโควิด ตั้งแต่สไปเดอร์แมนโนเวย์โฮมเป็นต้นมาก็เพิ่งจะมีเพียงท็อปกันมาเวอริคเท่านั้นที่ทำเงินเกินพันล้าน $ และมีหนังที่ทำเงินเกิน 500 ล้านในโลกนี้เพียง 10 เรื่องเท่านั้นที่เป็นหนังฮอลลีวูดในรอบ 3 ปี 2020-2022 นับถึงขณะนี้ เฉลี่ยได้แค่ปีละ 3 เรื่องถือว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับยุคก่อนโควิด
ปีนี้ถือว่าดีที่สุดในยุคนี้แล้ว แต่ก็อาจถือได้ว่าเพียงเริ่มฟื้นเท่านั้น ตัวชี้วัดสำคัญที่อยู่ปริมาณหนังฟอร์มยักษ์ในฤดูกาลซัมเมอร์หรือฤดูร้อนของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในบางปี หนังฟอร์มยักษ์ทำเงินเปิดตัวร้อยล้านติดต่อกันนับสิบสัปดาห์ แต่ปีนี้นับได้ไม่กี่เรื่องและไม่ติดต่อกัน เรื่องสุดท้ายที่เปิดตัวร้อยล้านผ่านไปแล้วคือธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า ด้วยรักและอัสนี ในวงการสรุปกันว่าปีนี้หนังซัมเมอร์ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ธอร์ซึ่งเหมือนกับเป็นหนังทำเงินเรื่องสุดท้ายไปแล้ว เพราะหลังจากนั้นหนังอันดับ 1 ทำได้เพียง 20-30 ล้านเท่านั้น แม้แต่ NOPE หนังยานอวกาศบุกท้องนาที่หวังร้อยล้านก็เปิดได้ไม่ถึง 50 สัปดาห์ที่ผ่านมาหมาซุปเปอร์แมนก็แค่ 20 ต้นๆ สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายตามปฏิทินหนังซัมเมอร์ เป็นคิวของหนังแบรด พิท รถไฟหัวกระสุน BULLET TRAIN (ไม่รู้ขบวนเดียวกับโคนันเมื่อปีที่แล้วหรือไม่) กำหนดวันฉาย 5 สิงหาคม ที่ผ่านมาที่สหรัฐ จึงคาดเดาไว้แบบถ่อมตัวที่ 15 ล้านเท่านั้น
แต่แล้วเกิดปรากฏการณ์คนดูในรอบพิเศษมากเกินคาด ทั้งที่หนังได้คะแนนต่ำจากนักวิจารณ์ เว็บมะเขือให้แค่ 54% IMDb ยิ่งต่ำถึง 49/100 แต่คนดูให้เฉลี่ย 7.5/10 และชอบมากกว่านักวิจารณ์ถึง 80% (อารมณ์คนดูกับนักวิจารณ์สวนทางกันอีกเรื่องหนึ่งแล้ว) หนังทำเงินในรอบพิเศษคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้กว่า 4 ล้าน ทำให้ต้องปรับการคาดเดารายได้จาก 15 ล้านเป็น 30 ล้านในทันที แต่สามวันนี้จะได้แค่ไหนก็ต้องคอยลุ้นกันอีกที โดยจะมีการคาดเดาครั้งสุดท้ายในวันอาทิตย์ก่อนสรุปตัวเลขรายได้จริงในวันจันทร์
ที่สหรัฐอเมริกาจะแบ่งโปรแกรมฉายหนังเป็น 4 ฤดูกาลในแต่ละปีตามสภาวะอากาศซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการไปโรงภาพยนตร์ของคนดู ฤดูร้อนคนชอบดูหนังมากที่สุดจึงนิยมอัดหนังฟอร์มยักษ์ตื่นเต้นเร้าใจสนุกสนานเต็มเหวี่ยงลงไปในฤดูนี้ รองลงมาเป็นฤดูหนาวเหมาะกับหนังเทศกาลครอบครัวหรือถ้าฟอร์มยักษ์ก็ต้องออกแนวอบอุ่นเช่นอวตารที่กำลังจะฉายปลายปี หนังกลางๆ จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหลังฤดูหนาวและก่อนฤดูร้อน ส่วนฤดูใบไม้ร่วงคนไม่ค่อยดูหนังจึงมีแต่หนังฟอร์มเล็กและหนังอินดี้เป็นส่วนใหญ่ ปีนี้จึงเท่ากับหมด BULLET TRAIN แล้วก็จะไม่มีหนังฟอร์มยักษ์อีกเลยไปจนถึงแบล็คอะดัมซึ่งไม่น่าจะทำเงินมาก คาดการณ์ว่าโรงหนังจะกลับมาคึกคักอีกทีต้องรอถึงปลายปีด้วยเรื่องอวตาร 2
BULLET TRAIN ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า เรท R (ไทย 18+) ความยาว 2 ชั่วโมง 6 นาที ประเภท แอ็คชั่น ตลก ระทึกขวัญ กำกับภาพยนตร์โดย เดวิด ลีทช์ ผู้กำกับ เดดพูล 2 และฟาสท์ภาคแยกฮอบชอว์ นำแสดงโดย แบรด พิท, โจอี้ คิง, อารอน เทเลย์ จอห์นสัน, ไมเคิล แชนน่อน, ฮิโรยูกิ ซานาดะ, โลแกน เลอแมน และ แซนดร้า บุลล็อก สถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นและบางส่วนที่สหรัฐอเมริกา ถือเป็นผลงานร่วมกันทั้งสองสัญชาติ จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศไทยทั้งระบบธรรมดาและระบบพิเศษ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป ตามหลังประเทศส่วนใหญ่ในโลก แต่ฉายก่อนเกาหลี อิตาลี ส่วนญี่ปุ่นกำหนดโปรแกรมปิดท้ายชาวโลกที่ 1 กันยายน
อ้างอิงจาก: IMDb/ Box Office Mojo/ Deadline