ชนเผ่า Mosuo เผ่าที่หญิงเป็นผู้ปกครองและเป็นเจ้าของทุกสิ่ง พร้อมกับวิธีเลือกคู่สุดแปลก ไม่มีคำศัพท์ที่ใช้เรียกสามี
ชนเผ่าMosuoเผ่าที่หญิงเป็นผู้ปกครองและเป็นเจ้าของทุกสิ่ง พร้อมกับวิธีเลือกคู่สุดแปลก ไม่มีคำศัพท์ที่ใช้เรียกสามี
วันนี้ก็จะมีบทความแปลกๆมานำเสนออีก นะครับ เป็นบทความแปลจากต่างประเทศ
ซึ่งเรียบเรียงและนำเสนอเพื่อความรู้แปลกๆใหม่ๆเรื่อง ชนเผ่าMosuoเผ่าที่หญิงเป็นผู้ปกครองและเป็นเจ้าของทุกสิ่งส่วนผู้ชายจะเป็นเพียงผู้ช่วยผู้น้อยในบ้าน ที่น่าแปลกใจคือชนเผ่าแห่งนี้มีไม่มีคำว่าศัพท์ที่ใช้เรียกสามี
พูดง่ายๆตามภาษาไทยก็คือภรรยาคือช้างเท้าหน้าส่วนสามีคือช้างเท้าหลัง ภรรยาสามารถจะเขกกบาล ตบหัว กระทืบสามีได้ตามใจชอบ ถ้านอกใจหรือกระทำผิด คิดไม่ซื่อ หรือทำการบ้านการเรือนไม่ถูกใจภรรยา เพราะว่าผู้หญิงมีสิทธิ์ที่เสรีภาพมากกว่าผู้ชายนั่นเอง
ชนเผ่า Mosuo” เผ่าที่หญิงเป็นผู้ปกครองและเป็นเจ้าของทุกสิ่ง พร้อมทึ่ง! กับวิธีเลือกคู่สุดแปลก
👉🏿บริเวณชายแดนมณฑลยูนนานกับเสฉวน เป็นที่ตั้งของชนเผ่า “โม๋ซอ” (Mosuo) เป็นชนเผ่าที่ถูกเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมสุดท้ายในโลกที่เป็นสังคมแบบ matriarchal societies คือ ผู้หญิงที่นี้เป็นใหญ่เหนือชาย ควบคุมการเงินในบ้าน เป็นเจ้าของโดยชอบธรรมในกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดิน และมีสิทธิขาดในตัวบุตรแต่เพียงผู้เดียว มีอำนาจสิทธิ์ขาดทุกอย่าง
😁ส่วนผู้ชายจะเป็นเพียงผู้ช่วยผู้น้อยในบ้าน ที่น่าแปลกใจคือชนเผ่าแห่งนี้มีไม่มีคำศัพท์ที่ใช้เรียกสามีในภาษาวัฒนธรรมของชนเผ่านี้คือผู้หญิงเป็นใหญ่
โดยการสืบทอดอำนาจจากแม่ไปสู่ลูกสาว เมื่อลูกสาวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ราว 12 ปี เธอจะแยกไปมีห้องส่วนตัว
เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้ว โดยวิธีการหาคู่ของชนเผ่านี้ คือ “ระบำรอบกองไฟ” นั่นเอง หากพบคนที่ต้องตาถูกใจก็จะใช้วิธีการ “สะกิดมือ”
ในระหว่างที่จับมือเต้นรอบกองไฟกัน หากฝ่ายหญิงมีใจให้และตอบรับ ก็จะสะกิดมือนั้นกลับไป
👉🏿โดยสิ่งที่น่าแปลกใจมากๆ อีกประการคือ ไม่มีการแต่งงาน ชายหนุ่มจะเข้ามาขอร่วมหลับนอนกับหญิงสาวได้เลยหากชอบพอ โดยตามธรรมเนียม หากฝ่ายชายจะเข้าไปหาฝ่ายหญิง ต้องปาก้อนหินใส่หน้าต่าง เมื่อหน้าต่างบานนั้นแง้มออกมา
แล้วไม่ปิดหน้าต่างกลับไป หมายความว่าผู้ชายสามารถปีนบ้านเข้าทางหน้าต่างได้เลย โดยต้องปีนไปชั้น 2 ที่เป็นห้องหญิงสาว ด้วยมือเปล่ากันให้ได้ เป็นการทดสอบใจจริงอีกทางหนึ่ง
👉🏿เมื่อปีนขึ้นมาถึงหน้าต่างแล้ว ผู้ชายจะถอดหมวกและแขวนไว้ข้างหน้าต่างเป็นการบอกให้ชายอื่นรู้ว่า ห้องนี้มีหนุ่มเข้าแล้ว เชิญไปหาที่อื่นได้เลย
ซึ่งก่อนพระอาทิตย์ขึ้นฝ่ายชายจะต้องรีบออกจากบ้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยประเพณีนี้ เรียกอีกอย่างว่า “อาสู-อาเซี่ย” เมื่อเวลาผ่านไปหญิงสาวตั้งครรภ์ จะไม่มีใครสนใจว่าว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง เพราะไม่จำกัดว่าจะเป็นชาย 1 คน เมื่อลูกคลอดออกมาแล้วเด็กจะตกเป็นสมบัติของฝ่ายหญิงเท่านั้น
จะมีแต่แม่และยาย ผู้ชายที่เหลือก็มีตำแหน่งเพียงลุงหรือน้าชายเท่านั้น เด็กที่เกิดมาก็ไม่เคยรับรู้ว่าใครคือพ่อ แต่ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นใครก็ไม่ได้ผูกพันในฐานะพ่อกับลูกโดยในยุคของการปฏิวัติทางวัฒนธรรมของประเทศจีน ก็เคยผู้มีอำนาจทางการเมืองพยายามยัดเยียดการแต่งงาน ให้หนุ่มสาวในเผ่าให้อยู่กินกันฉันสามีภรรยา แต่เมื่อผู้นำหมดอำนาจ ชนเผ่าก็กลับมาดำเนินชีวิตตามวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบเนื่องกันมาหลายพันปี
แม้บางคนจะมองว่ารูปแบบการปฏิบัติทางเพศเช่นนี้ไม่แตกต่างจากการสืบพันธุ์ของสัตว์ แต่บางคนก็อาจมองว่าเป็นวิถีทางเพศที่สอดคล้องกับธรรมชาติอย่างยิ่ง ที่สำคัญคือ ธรรมเนียมนี้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่สังคมทั้งหลายมีกัน เช่น ไม่มีเพศสัมพันธุ์ก่อนวัยอันควร เพราะเขาถือว่าพ้นอายุ 12 ปี ก็ถึงวัยอันควรแล้วและไม่มีการแต่งงาน, หรือไม่มีการหย่าร้างไม่มีการทะเลาะตบตีกันในครอบครัว เป็นต้น
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย และ google