ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา แห่งศรีลังกา ลี้ภัยไปมัลดีฟส์ ก่อนลาออก
ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา แห่งศรีลังกา ลี้ภัยไปมัลดีฟส์ ก่อนลาออก
โคลัมโบ 13 ก.ค.- ประธานาธิบดีศรีลังกาบินออกจากประเทศไปยังมัลดีฟส์ในช่วงต้นวันพุธ (13 ก.ค.) ซึ่งอาจนำไปสู่การลาออกของเขาภายหลังการประท้วงอย่างกว้างขวางหลายเดือนต่อวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในประเทศเกาะของเขา
ศรีลังกา ผู้นำและรัฐมนตรีสัญชาติอเมริกัน เผ่นหนีช่องทางธรรมชาติเสวยสุขแล้ว
จากกรณีความขัดแย้งทางการเมืองในศรีลังกา ระหว่างตระกูลใหญ่ "ราชปักษา" กับตระกูลการเมืองอื่น ประจวบกับ "การบริหารประเทศแบบบริษัทครอบครัว" ของตระกูลราชปักษา ที่ครอบงำพรรค และสภาอย่างเบ็ดเสร็จ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนายบาซิล ราชปักษา ที่เพิ่งลาออก "ถือสัญชาติอเมริกัน" เขาเป็นน้องชายของนายมหินทา ราชปักษา อดีตนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งลาออกไป และเป็นน้องชาย ประธานาธิบดี โกตาพญา ราชปักษา อีกด้วย
คณะรัฐมนตรีจึงมีคนในตระกูลนี้และเครือญาติเกือบหมด รวมทั้งตำแหน่งราชการสำคัญต่างๆ
เมื่อนายบาซิล ราชปักษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถือสัญชาติอเมริกัน การทำนโยบายการเงินการธนาคาร ล้วนถูกกำหนดรูปแบบให้ถือครองเงินดอลลาร์เป็นเงินทุนสำรองในสัดส่วนที่สูง การกู้ยืมจากต่างชาติล้วนเป็นสถาบันการเงินฝ่ายชาติตะวันตกถึงราว 80% ที่เหลือเป็นหนี้จีน และอินเดีย อีกชาติละ 10% ไม่มีผลต่อหนี้ภาพรวมของศรีลังกา ที่จะทำให้วิกฤติได้ แต่เมื่อถือครองเงินดอลลาร์ และหนี้ดอลลาร์มาก ก็เงินเฟ้อสูง จึงขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างรูปี กับดอลลาร์ ประจวบกับลดภาษี การท่องเที่ยวตะวันตกหายจากภาวะโควิด-19 "กระทรวงการคลังที่บริหารโดยชาวอเมริกัน จึงถังแตก" ไม่มีเงินชำระหนี้ล้มละลายในที่สุด
ชาวศรีลังกา ไม่พอใจการบริหารประเทศของตระกูลราชปักษา ก่อจราจลใหญ่บุกบ้านพักประธานาธิบดีหนีไป ทิ้งเงินสดธนบัตรใหม่เอี่ยมมูลค่า 17.85 ล้านรูปี (ราว 1.77 ล้านบาท) และทรัพย์สินมีค่า เอกสารอื่นอีกมากมาย ม็อบอีกชุดบุกเผาบ้านนายกรัฐมนตรีรนิล วิกรมสิงหะ , ต่อมา ประธานาธิบดีราชปักษา ภรรยา และการ์ด พยายามจะขึ้นเครื่องบินหนีออกนอกประเทศไปนครดูไบ UAE ตะวันออกกลาง
ในเวลาไล่เลี่ยกันนายบาซิล ราชปักษา อดีตรัฐมนตรีคลัง "สัญชาติอเมริกัน" ก็จะบินหนีไปสหรัฐ ที่ขนทรัพย์สินไปตุนรอไว้ก่อนแล้ว แต่พวกเขาไม่กล้ารอคิวด้วยวิธีปกติเพราะกังวลว่าจะถูกประชาชนเห็นและรุมทำร้าย จึงใช้ช่องทางพิเศษ VIP แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสกัดจนตกเที่ยวบินที่จะเดินทางไปต่างประเทศ
พวกเขาเดินทางกลับไปยังฐานทัพทหารที่อยู่ใกล้เคียง จากนั้นประธานาธิบดีราชปักษา ภรรยาของเขาและบอดี้การ์ดส่วนตัวอีก 1 คน ถูกประทับตราหนังสือเดินทางออกนอกประเทศด้วยเที่ยวบินพิเศษกองทัพอากาศศรีลังกา พร้อมกระเป๋าทรัพย์สินขึ้นเครื่องบินทหาร Antonov-32 เดินทางไปยังประเทศมัลดีฟส์ อดีตดินแดนของศรีลังกา ที่เป็นอาณานิคมโปรตุเกส และอังกฤษ เขาถึงมัลดีฟส์เมื่อเวลา 03.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นประธานาธิบดีราชปักษา ภรรยา การ์ด เดินทางต่อไปยังเซฟเฮาส์ของเขาที่มีการอารักขาอย่างเข้มงวด , เช่นเดียวกับนายบาซิล ราชปักษา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสัญชาติอเมริกัน น้องชายประธานาธิบดี ก็ใช้คอนเน็กชั่นสหรัฐ กับฝ่ายความมั่นคงสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้แล้วเช่นกัน
โดยในวันที่ 13 ก.ค.2022 เป็นวันที่ประธานาธิบดีราชปักษา เคยบอกผ่านคนอื่นมาว่า "มีกำหนดจะลาออก" แต่หากเขาบิดพริ้วหวงอำนาจไม่ยอมลาออกจริง แล้วบริหารประเทศแบบ "รีโมทวิดีคอลจากแดนไกล" การเมืองจะติดล็อคเดินหน้าแก้ปัญหาประชาชนไม่ได้การจราจลขนานใหญ่เผาบ้านเผาเมืองจะตามมา แต่ถ้าเขาลาออกวางมือไปเสวยสุขใช้สมบัติมากมาย ตามรัฐธรรมนูญศรีลังกา นายกรัฐมนตรีรนิล วิกรมสิงหะ ที่ยังไม่ลาออกจริง ก็จะรักษาการประธานาธิบดี ควบนายกรัฐมนตรี ซึ่งตระกูลราชปักษาที่ครองสภาไม่ยอมแน่เพราะชิงอำนาจกัน ยามประเทศอ่อนแอแบบนี้แหละ จะมีคนคล้ายหวังดีคือสหรัฐ มาเป็นตัวกลางแทรกแซงการตั้งผู้นำประเทศ และรัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่ที่สหรัฐ และฝ่ายระเบียบโลกเก่า ต้องรีโมทสั่งรัฐบาลได้ ว่าจะให้กู้ IMF , World Bank เป็นทาสดอลลาร์กระดาษครอบงำสูบชาวศรีลังกาไปอีกนานเท่าไร ยิ่งฝ่ายการเมืองชิงอำนาจกันเท่าไร ชาติก็อ่อนแอเท่านั้น ช่วงเปลี่ยนผ่านคือสิ่งที่สหรัฐ ถนัดในการบีบนักการเมืองตระกูลครองอำนาจให้กู้กองทุนตะวันตก "กลายเป็นกับดักหนี้ดอลลาร์ เจ้าอาณานิคม" ต่อไปอีกนานหลายทศวรรษ แต่ถ้ารัฐบาลใหม่มีตระกูลเดิมคงอยู่ในอำนาจ ประชาชนที่โกรธแค้น เพราะมองว่า รัฐบาลตระกูลราชปักษา บริหารประเทศผิดพลาดและทุจริตคอร์รัปชัน เป็นโปรตะวันตก เป็นสาเหตุที่ผลักดันให้ศรีลังกาเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่สาหัส การจราจลคงยากจะยุติลงแบบเรียบร้อย..ชาวศรีลังกา สู้ต่อไปชนะระเบียบโลกเก่าแน่นอน