เมืองกรุง 7
เมืองกรุง 7
“กล้า ... เลิกงานกี่โมง”
เช้าวัดถัดมาหลังจากเสร็จภารกิจต่าง ๆ แล้ว เมื่อเดินออกจากประตูวัดมาได้เพียงสองก้าว เขาก็พบบัวมานั่งรออยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คันเดิม เสียงที่เอ่ยเรียกชื่อทำให้กล้าที่เดินก้มหน้าไม่ทันมองใคร ต้องหันไปตามเสียงนั้น
“อ้าว ... บัว มานั่งทำอะไรตรงนี้ มิน่าเมื่อกี้ไม่เห็นที่บ้านยายสาย”
“ว่าไงเลิกงานกี่โมง” น้ำเสียงของบัวเริ่มกระเง้ากระงอดอย่างคนเอาแต่ใจ
“เราเลิกงานห้าโมง แต่กว่าจะเก็บเอกสาร จัดโต๊ะดูแลความเรียบร้อยก็ประมาณห้าโมงครึ่ง บัวถามทำไม”
“บัวเบื่อ บัวอยากไปเที่ยว เห็นเขาว่าวัดทางโน้นมีงาน มีชิงช้าสวรรค์ มีปาเป้า งานแบบย้อนยุค น่าสนใจดีนะกล้า ไปกันไหม” บัวเอ่ยชวน สีหน้าและแววตาของเธอตอนนี้ดูเคลิ้มฝันแบบมีความสุข
“งานวัดเหรอ น่าสนุกดีนะ ฟังแล้วคิดถึงบ้านเลย เอาสิ... สักหกโมง เราเดินไปหาที่บ้านนะ” กล้าตอบด้วยสีหน้าแช่มชื่น คำว่า งานวัด ทำให้เขาคิดถึงบ้าน บ้านที่เขาจากมา บ้านที่มีไออุ่นเปี่ยมรักของพ่อกับแม่
“พูดถึงบ้านตาลอยเลยนะกล้า ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวหกโมงเรามารอตรงนี้นะ ไม่ต้องไปที่บ้านหรอก” บัวตอบกลับ
“เอางั้นเหรอ ... ได้... เย็นเจอกัน”
กล้าเดินจากมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น บัวเองก็ดูเป็นผู้หญิงน่ารักสดใส หลานยายสาย คนในระดับที่เขาไม่ต้องเขย่งมอง ไม่ใช่นางฟ้าที่อยู่ไกลเกินเอื้อม ที่ได้แต่เพียงแอบมอง โชคชะตาคงไม่ใจร้ายกับเขาเกินไปนัก เขาคิดอย่างมีความสุขก่อนจะเดินเข้าที่ทำงาน เป็นคนแรกของสำนักงานเหมือนเคย
เลิกงาน...กล้ารีบกลับวัดเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าไปตามนัด
“ไอ้กล้า ลุกลี้ลุกลนจะไปไหน” หลวงพ่อเอ่ยถาม เมื่อเห็นเขาเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
“วัดทางโน้นมีงานครับหลวงพ่อ ผมว่าจะไปเที่ยวสักหน่อย”
“จะไปงานวัดโน้นเหรอ ระวังตัวดี ๆ ล่ะ ทางโน้นนักเลงมันเยอะ แล่วอย่ากลับดึกมากนักนะ” หลวงพ่อเอ่ยด้วยสีหน้าขรึมขึ้นเมื่อรู้ว่ากล้าจะไปไหน
“ครับหลวงพ่อ ผมจะระวังตัว และจะรีบกลับ” กล้ากล่าวจบก็ยกมือไหว้หลวงพ่อเดินออกไป
หลวงพ่อนั่งจมอยู่ในภวังค์... คิดไปถึงลูกศิษย์วัดคนเก่า มันเป็นเด็กดีจนกระทั่งมาเสียคนเพราะไอ้เอกหลานชายจอมเกเรของหลองพ่อ แต่จะทำยังไงได้เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ จะดีจะร้ายยังไงเอกมันก็หลานที่หลวงพ่ออุ้มชูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ยิ่งพอพ่อมันตาย มันก็ยิ่งไม่ฟังใคร พอจะเกรงใจหลวงลุงคนนี้อยู่บ้าง แม่มันจึงเอามันมาทิ้งไว้ที่วัดนี้ และไม่เคยกลับมาอีกเลย
แว่วข่าวว่าแม่มันไปทำงานเป็นหมอนวดแผนไทยได้ดิบได้ดีที่ต่างประเทศ แต่เอกมันก็ไม่เห็นจะสนใจใยดีอะไรกับแม่มันนัก ดูมันก็สุขสบายดีกับการเป็นหลานหลวงลุง ยิ่งมีลูกศิษย์วัดมาอยู่ใหม่มันยิ่งชอบ เพราะจะได้ไม่ต้องคอยเดินตามหลวงลุงบิณฑบาต อย่างน้อยครั้งนี้หลวงพ่อก็ได้พยายามกันตัวกล้าออกมาจากเอกหลานชายจอมเกเรของตนเอง แต่อะไรจะเกิดขึ้นแบบไหนก็สุดแต่บุญแต่กรรม หลวงพ่อถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปยังกุฏิด้านในเพื่อพักผ่อน
เดินออกจากวัดได้เพียงสามก้าว ยังไม่ทันถึงจุดที่นัดพบ บัวก็มานั่งรอกล้าอยู่ก่อนแล้ว วันนี้บัวถักเปียสองข้าง ใส่เสื้อยืดสีชมพูดูสดใส ด้านนอกเป็นเอี๊ยมยีนส์กางเกงขาสั้น ดูแล้วน่ารักจนกล้าใจสั่น
“เร็ว ๆๆ เข้าเถอะกล้า มาขึ้นรถเลย” บัวกล่าวสีหน้าและแววตามีประกายระยิบระยับ
“แต่เราขี่ไม่เป็นนะ”
“ไม่เป็นไร วันหลังบัวจะสอนนะ เร็ว ๆ สิ รีบขึ้นมา ยืนยิ้มอยู่ได้” บัวเร่งพร้อมกดปุ่มสตาร์ทรถ
กล้าก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะนั้น บัวหันมายิ้มแล้วจับมือของกล้ามาโอบเอวเธอ ก่อนจะขี่รถไปตามทาง ระยะทางแห่งความสุขมันช่างสั้นเหลือ เกิน แค่ไม่ถึงสิบนาทีทั้งสองคนก็ถึงจุดหมาย กล้าไม่อยากปล่อยมือจากเอวนุ่มนั้นเลยสักนิด เขาอยากทอดเวลาแบบนี้ออกไปให้นานเท่านาน โดยเฉพาะเมื่อลมพัดเอากลิ่นหอมละมุนออกมาจากตัวของบัวแล้ว เขายิ่งมีความสุข เขาไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย ผู้หญิงคนเดียวที่เขาสัมผัสคือแม่ อดนึกไปถึงตักแม่ที่นอนหนุนก่อนจะจากมาไม่ได้
“กล้า... กล้า ... จะลงไหมเนี่ย นั่งอมยิ้มอยู่ได้ คนอะไรชอบเหม่อ” บัวกล่าวต่อว่าแต่น้ำเสียงเชิงขบขัน กล้าได้แต่ยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะก้าวลงจากรถ
เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ ลานวัดที่เคยโล่งยามนี้กลับเต็มไปด้วยร้านรวงต่าง ๆ มีวงดนตรีนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน บัวกระชากแขนกล้าเดินจูงไปตรงนั้นตรงนี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งสองคนหัวร่อต่อกระซิกกันไม่ต่างจากคู่รักที่คบหากันมานาน ความรัก ความสุขเป็นแบบนี้นี่เอง กล้าปาเป้าได้ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ บัวถึงกับกรี๊ดขึ้นมาเบา ๆ ก่อนจะหอมแก้มเขา พร้อมคว้าเอาตุ๊กตาตัวนั้นมากอดแนบอก กล้ารู้สึกหน้าร้อนวูบ เขาเอามือลูบหน้า ตรงที่โดนบัวหอม ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ทั้งคู่กลับมาถึงบ้านยายสาย เพราะตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่ปาเป้ามาได้ ทำให้บัวไม่อาจไปส่งกล้าที่วัดได้ หลังจากล่ำลากันอย่างแช่มชื่น กล้ากำลังจะเดินกลับวัด ผ่านบ้านเรือนข้างทางที่ปิดเงียบ พอพ้นหัวมุมถนนมาได้หน่อยหนึ่งเสียงคุ้นหูก็เอ่ยเรียกชื่อเขา
“ไอ้กล้า ไปไหนมาวะ กูไปหาไม่เจอ” กล้าถึงกับสะดุ้ง
“ไอ้เอก มึงมีอะไร” กล้าพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ใช่เขากลัวมัน กลัวและไม่กล้าตอบโต้ หากเขาตอบโต้ เขาคงจะไม่มีที่ซุกหัวนอน วัดคือที่พักเดียวที่เขาอยู่ได้ ถ้าต้องออกจากวัดไปหาที่พักอื่น เขาจะเอาเงินจากไหนส่งให้พ่อกับแม่
“มึงมีอะไรกับกู” กล้าเอ่ยถาม
“วันนี้กูไม่เอาเงินมึงหรอก วันนี้กูเหงา มึงก็รู้นี่เวลากูเหงา กูต้องการอะไร” เอกตอบพร้อมกับลากกล้าเข้าไปยังมุมมืดของซอยข้าง ๆ โดยที่กล้าไม่อาจขัดขืนใด ๆ ได้ เขาได้แต่สะอื้นในอก ทำไมนะความสุขมันช่างสั้นเหลือ ชั่วโมงที่แล้วเขายังยิ้มแย้มแสนสุขกับบัว มาตอนนี้ ยิ่งคิดเขายิ่งคับแค้นใจ ได้แต่กัดฟันขบกรามแน่นด้วยความขยะแขยงอย่างที่สุด
.....