เมืองกรุง 6
บทที่ 6
เช้าแล้วเสียงไก่ขันดังแว่วมาไกล ๆ เหมือนเคย เขารีบลุกขึ้นจัดแจงพับที่หลับที่นอนให้เรียบร้อย ฟ้ายังมืดสลัว เห็นเงาต่าง ๆ เพียงราง ๆ
ในความสลัวนั้น กล้าได้ยินเสียงประตูห้องนอนของหลวงพ่อเปิดออกอย่างแผ่วเบา ในความเงียบแบบนี้ มันดังชัดเหลือเกิน เขาหันไปมองด้วยความเคยชิน ขยับปากจะเอ่ยทักทายหลวงพ่อเหมือนเคย แต่แล้วเขาต้องชะงักและเขม้นมองตามภาพนั้น ขยี้ตาดูว่าตนตาฝาดไปหรือไม่ ก็เงาที่เขาเห็นนั้นมันคือผู้หญิงชัด ๆ อกเอวสะโพกและผมยาวแบบนั้น ผู้หญิงและน่าจะสวยเสียด้วย ขนาดเห็นในเงาราง ๆ แบบนี้ ยังทำให้เขาอดใจสั่นไม่ได้ เธอเดินย่องอย่างแผ่วเบาออกไปยังประตูด้านหลังของกุฏิ
กล้ามองตามตาเบิกโพลง เอามือปิดปากตนเอง เพราะกลัวจะเผลอหลุดปากพูดอะไรออกไป ว่าแต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงออกมาจากกุฏิของหลวงพ่อได้นะ เธอมาตั้งแต่ตอนไหนกัน หรือว่า ... เงาที่เขาเห็นเมื่อคืนนี้คือ เธอ ... เขาไม่ได้ตาฝาด
ฝ่ามือชื้นเหงื่อ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ คิดไปต่าง ๆ นานา เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นหลวงพ่อ เดินออกมา
“ไอ้กล้า ทำไมยังไม่ลุกไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัว เดี๋ยวจะได้ออกไปบิณฑบาตกัน เดี๋ยวญาติโยมรอแย่” หลวงพ่อบ่นเบา ๆ พร้อมกับเดินหายไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัว
กล้าขยับหัวไล่ความมึนงง รีบเดินออกไปล้างหน้า ในใจสับสนวุ่นวาย เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแน่นอน
หลวงพ่อยังคงสำรวมและดูน่าเคารพนับถือเช่นเดิม กล้าคิดระหว่างเดินตามหลัง แล้วภาพที่เขาเห็นนั้นคืออะไรกัน ตาฝาด ... เป็นไปไม่ได้ เขาเห็นชัดเจนทั้งสองเวลา และเขามั่นใจได้ว่าเห็นจริง ๆ นี่มันอะไรกัน เป็นไปไม่ได้ ...
“นิมนต์เจ้าค่ะ หลวงพ่อ” เสียงนั้นปลุกกล้าออกจากภวังค์ ยายสายนั่นเอง แต่วันนี้ข้างกายของยายสายมีสาวแรกรุ่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาอยู่ด้วย เธอสวย หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวหน้าอมชมพูมีเลือดฝาดของวัยสาว แต่ ... ทำไมเขาคุ้นเธอจัง ผมยาวประมาณนี้ รูปร่างแบบนี้ เหมือนเงาเมื่อเช้าที่เขาเห็นออกจากห้องหลวงพ่อ นี่มัน... เขามองสบตาเธอ เธอยิ้มตอบรับกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และเขาทันได้เห็นหางตาของเธอที่มองไปที่หลวงพ่อ แววตาแปลก ๆ ที่ดูไม่เหมือนการมองกันแบบปกติ แต่มันคืออะไรกัน
“วันนี้มาสายนะเจ้าคะหลวงพ่อ” กล้าได้สติ หันไปมองหลวงพ่อ ท่านยืนสงบกล่าวให้ศีลให้พร แล้วเตรียมขยับเดินจากไป โดยไม่ตอบคำถามนั้นของยายสาย มีเพียงยิ้มอ่อนโยนเท่านั้น
กล้าสับสนครุ่นคิดเรื่องหลวงพ่อจนแทบไม่มีสติ เกือบทำงานผิดพลาด ที่เขาเห็นมันคืออะไรกัน เขาไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าหลวงพ่อจะเป็นแบบนั้น อาจมีสาเหตุอะไรสักอย่าง ก็หลวงพ่อท่านมีเมตตา ใจดี ท่านบวชเป็นพระแบบนี้มานานจนไม่อยากนับพรรษา ท่านจะทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรกัน เขาไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอน
“กล้า ... กล้า ... กล้า นั่งเหม่ออะไร ใจลอยไปถึงไหนแล้ว” คุณฟ้านั่นเองที่เรียกเขาอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
“เปล่าครับ คุณฟ้ามีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ” กล้าก้มหน้า พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่กล้าสบตา
“แหม พูดจาเป็นทางการจังเลยนะคะ มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่าครับ ถ้าคุณฟ้าไม่มีอะไรให้ผมรับใช้ ผมขอตัวเคลียร์เอกสารพวกนี้ก่อนนะครับ ผมต้องทำให้เสร็จก่อนเลิกงาน” พูดจบเขาก็ทำทีง่วนอยู่กับเอกสาร โดยไม่สนใจว่าคุณฟ้าจะยืนอยู่หรือไม่
ฟ้าเดินจากไปด้วยสีหน้างุนงง ทำไมวันนี้กล้าดูแปลกไป ไม่ยอมคุยกับเธอเหมือนเคย เธอเดินบ่นพึมพำเข้าไปหาพ่อของเธอ คุณทวีผู้เป็นเจ้านายของกล้า พร้อมเอ่ยปาก
“แปลกจังเลยค่ะคุณพ่อ กล้าไม่ยอมคุยกับฟ้า บอกว่างานยุ่งต้องรีบทำงาน นี่คุณพ่อใช้งานลูกน้องหนักขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“ยายฟ้า กล้าเขาเป็นพนักงานต้องทำงานก็ถูกแล้วนี่ เราน่ะถ้าจะว่างเกินไปล่ะมั้ง ถึงได้เที่ยววุ่นวาย อยากทำงานแบบคนอื่นเขาบ้างไหม จะได้ไม่ว่าง” คุณทวีเอ่ยกึ่งดุกึ่งแหย่ ด้วยกลัวลูกจะงอน ด้วยตนนั้นรักลูกสาวปานแก้วตาดวงใจ ไม่เคยขัดใจอะไรเธอสักครั้ง ยิ่งเมื่อเมียรักจากไปเมื่อห้าปีก่อน ทวีก็ยิ่งมอบความรักที่มีให้เธอเพียงคนเดียว ในชีวิตนี้มีเพียงงาน และฟ้าลูกของเขาเท่านั้นที่เป็นสิ่งสำคัญ
กล้ามองตามคุณฟ้าไปจนลับสายตา ฟ้าก็คือฟ้า ดินอย่างเขาคงได้แต่แอบมองอยู่แบบนี้ คงไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะพูดคุยอะไรกับเธอ จริงอย่างที่หลวงพ่อว่า คุณทวีเจ้านายของเขามีบุญคุณกับเขา เขาจะคิดอะไรแบบนั้นกับคุณฟ้าไม่ได้ แม้จะมองเห็นกันแค่ปลายสายตา แต่เขากับคุณฟ้านั้นเหมือนอยู่กันคนละโลกอย่างแท้จริง
เลิกงาน...เขาเดินเหม่อออกจากที่ทำงาน ขณะกำลังมุ่งหน้ากลับวัดนั้น
“นี่เธอ เธอนั่นแหละ” เขาหันไปมองตามเสียงเรียก หลานสาวของยายสายนั่นเอง
“ฉันชื่อบัว เธอชื่ออะไรเหรอ” บัว...หลานสาวยายสายนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซด์ เอ่ยปากทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม มองดูมีเสน่ห์ น่ารัก หรือคนแบบเขาคู่ควรกับบัว หลานสาวชาวบ้านแบบนี้กันนะ
“ผมชื่อกล้าครับบัว” เขาเอ่ยตอบ
“ไปไหมจะไปส่ง” บัวเอ่ยถาม
“แค่นี้เอง ผมเดินไปเองดีกว่า เดินทุกวันอยู่แล้ว ไม่ได้ลำบากอะไรเลย” กล้าตอบกลับ พร้อมส่งยิ้มตอบกลับให้เธอ
“ตามใจ ไปก่อนนะ แล้วค่อยคุยกัน” บัวกล่าวจบก็ขี่มอเตอร์ไซด์ออกไป ทิ้งให้กล้ายืนขบคิดอยู่ตามลำพัง
จะใช่บัวไหมนะที่เขาเห็นอยู่ในห้องของหลวงพ่อค่ำเมื่อวานและออกมาตอนรุ่งสาง แต่เท่าที่ดูบัวดูเป็นสาวน้อยแรกแย้มออกแบบนั้น บัวคงไม่น่าจะทำเรื่องแบบนั้นได้ อีกอย่างเขาไม่เคยเจอบัวมาก่อนเลย แล้วถ้าบัวเพิ่งกลับมาอยู่กับยายสาย บัวจะรู้จักสนิทสนมกับหลวงได้อย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นถึงความเป็นไปไม่ได้ งั้นคนที่เขาเห็นหล่อนเป็นใครกันนะ
............