เมืองกรุง บทที่ 2
กล้านอนครึ่งหลับครึ่งตื่นมาในรถของลุงชาติตลอดวัน ตลอดคืน ในใจเขารู้สึกสับสน กังวล และอึดอัด หากแต่ความคิดที่ยังคงมุ่งมั่นอยากมาตามหาฝัน ทำให้เขาคลายความกังวลลงทีละนิด เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง รถรานานาชนิดทั้งใหญ่และเล็กวิ่งสวนกันไปมาบนท้องถนน ทุกอย่างดูสับสนวุ่นวาย วิ่งขวักไขว่กันทั้งคืนเหมือนไม่มีการหลับใหล การจากอ้อมอกพ่อแม่ครั้งแรกในชีวิต กับความใฝ่ฝันที่เขามุ่งหน้ามาตามหา เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ บนเส้นทางที่เลือกเดิน จะนำพาตัวเขาไปพบกับสิ่งใดบ้าง คงต้องแล้วแต่โชคชะตาจะนำพา
ลุงชาติจอดรถลงที่หน้าวัดแห่งหนึ่งในตอนเช้าของอีกวัน เช้าแรกของเมืองกรุงที่กล้าได้สัมผัส ไม่มีหมอกจาง ๆ ไม่มีไอน้ำค้างชื่นฉ่ำเย็น ไม่มีทิวข้าวเขียวขจี มีเพียงสุนัขสองสามตัวเห่าทักทายต้อนรับเขาด้วยเสียงอันดัง เอ็ดไปทั้งวัดจนหลวงพ่อต้องเดินออกมาส่งเสียงตวาดไล่
“นั่นใครกันยืนให้หมามันเห่าอยู่ได้”
“ผมชาติไงครับหลวงพ่อ ผมเอาเด็กมาฝากพึ่งใบบุญหลวงพ่อครับ”
“มากันอีกแล้วรึ เอ้า... อยากมาก็มา ข้าไม่ขัดหรอก ข้าก็เด็กบ้านนอกเหมือนกัน ไหนชื่ออะไรมาใกล้ ๆ สิ” หลวงพ่อเอ่ยปากถาม
“ผมชื่อกล้าครับหลวงพ่อ พ่อผมชื่อเติมเคยมาอยู่กับหลวงพ่อเมื่อหลายปีก่อน พ่อบอกให้ผมมาหาหลวงพ่อ” กล้าตอบหลวงพ่อด้วยน้ำเสียวแผ่วเบา กึ่งกล้ากึ่งกลัว
หลวงพ่อนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับมาว่า
“ข้าจำได้ละ.. ไอ้เติม ... มันเป็นยังไงบ้างล่ะ”
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างใจชื้นที่หลวงพ่อจำพ่อของเขาได้
“สบายดีครับหลวงพ่อ พ่อฝากปลาแห้งมาให้หลวงพ่อด้วย เห็นว่าหลวงพ่อชอบ”
“เออ..ดี ๆ ข้าชอบ”
“ไอ้เอก ไอ้เอกโว้ย” หลวงพ่อตะโกนเสียงดัง
“คร้าบ...หลวงพ่อ เรียกทำไมแต่เช้า ยังไม่ถึงเวลาบิณฑบาตสักหน่อย” ผู้ชายตัวโตอายุราวยี่สิบเศษ เดินเกาหัวที่ยุ่งเหยิงเดินออกมาจากห้องเล็ก ๆ ใกล้ ๆ กัน
“เอ้า...นี่ลูกศิษย์วัดคนใหม่ เอ็งเอามันไปนอนที่ห้อง แล้วก็ดูแลมันด้วยก็แล้วกัน” หลวงพ่อเอ่ยปากบอก ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในกุฏิเพื่อเตรียมตัวออกไปบิณฑบาต
“หมดธุระแล้วลุงไปละนะ แล้วเบอร์โทรที่ลุงให้เก็บไว้ให้ดี ๆ อย่าให้หายล่ะ มีอะไรก็โทรมา” ลุงชาติบอกกับกล้าก่อนจะขึ้นรถขับออกไป กล้ามองตามจนรถคันนั้นลับสายตาไป ด้วยความรู้สึกใจหาย สถานที่ใหม่ไม่รู้จักใคร เขาจะเป็นยังไง
“เอ้ามาสิ...อย่ามัวยืนเซ่ออยู่จะได้ไปเตรียมตัวออกไปกับหลวงพ่อ” คนที่ชื่อเอกเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงกระชาก แบบคนไม่สบอารมณ์
นับเป็นเช้าแรกในเมืองกรุงที่อารมณ์ของเขาสับสนเหลือเกิน เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ วัดอย่างใจหาย ต่อไปนี้เขาต้องอยู่ที่นี่แล้วสินะ กับเงิน 980 บาทของพ่อกับแม่ในถุงพลาสติก ที่เขามัดมันไว้กับกระเป๋ากางเกงนักเรียนขาสั้นตูดปะที่ใส่มา มือกระชับกระเป๋าในมือ เดินตามเอกเข้าไปในห้องเล็ก ๆ นั้น อย่างไม่อาจล่วงรู้ชะตากรรม ใจคิดไปถึงภาพพ่อกับแม่ในเช้ามืดเมื่อวาน พ่อกับแม่บรรจงผูกข้อมืออวยพรให้เขาคนละยืดยาว
เขาได้แต่หวังว่าพรที่เขาได้รับมานั้นจะเป็นจริงทุกอย่างตามปากของพ่อกับแม่ผู้เปรียบเหมือนพระอรหันต์ของลูกอย่างเขา...
สนใจติดตามนักเขียนได้ที่เฟซนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ
https://www.facebook.com/Auksaralai