ปัจจุบัน 2565 ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์มาแล้ว 11 พระองค์(ถ้ารวมสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ)
ในกลุ่มภาพเก่าเล่่าาเรื่อง เผบภาพและเรื่องราว "ภาพชุด9รัชกาล 10 พระองค์ โดยนิพนธ์ พิกุลสวัสดิ์ เริ่ม 2507-2512" มีคอมเม้นต์กล่าวว่า
"ปัจจุบัน 2565 แสดงว่าประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์มาแล้ว 11 พระองค์(ถ้ารวมสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ) " "ทำไม ร.4 มี2พระองค์ครับ" "ในนสมัยนั้น/สิ้น ร.3 พระจอมเกล้าต้องสึกจากพระมารับราชสมบัติ ซึ่งพระองค์ไม่มีกำลังเป็นของพระองค์เองเลย ส่วนพระปิ่นท่านเป็นใหญ่อยู่ในขณะนั้น มีกำลังทหารอยู่ในมือ สามารถต้านทานคานอำนาจกับทาง บุนนาค ได้ดี พระจอมเกล้าจึงต้องอาศัยกำลังจากพระปิ่นมาคอยช่วย จึงสถาปนาให้เป็นเจ้าอยู่หัวพระองค์ที่ 2 ครองวังหน้า"
ค้นหาคำตอบคือ ในพงศาวดารที่ระบุถึงสาเหตุของการสถาปนากษัตริย์ขึ้นพร้อมกันถึงสองพระองค์ในครั้งนั้น แม้กระทั่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เบื้องแรกก็ยังไม่ทรงทราบถึงสาเหตุดังกล่าว จนกระทั่งได้มาทราบความเอาเมื่อล่วงถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จากคำบอกเล่าของเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) ซึ่งขณะนั้นมีอายุกว่า 80 ปีแล้ว
พระเจ้าแผ่นดินที่ 2 พระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศมหิศเรศรังสรรค์ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระราชสมภพ 4 กันยายน พ.ศ. 2351 - สวรรคต 7 มกราคม พ.ศ. 2408) เป็นสมเด็จพระอนุชาธิราชในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับบวรราชาภิเษกเป็นสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามพระองค์ที่สอง รองจากสมเด็จพระเชษฐาธิราช ทรงศักดิ์สูงกว่ากรมพระราชวังบวรสถานมงคล (พระมหาอุปราช) พระองค์ใดในอดีต โดยพระองค์ได้รับพระอิสริยยศเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ในรัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี
เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดินสองพระองค์ โดย กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวใกล้สวรรคต เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) เดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งทรงผนวชอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร กราบทูลว่าจะเชิญเสด็จขึ้นครองราชย์ สมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎตรัสว่าท่านฟากข้างโน้น (หมายถึงเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์) มีพระชะตาแรงต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ให้ถวายราชสมบัติแก่ท่านนั้นด้วย
เพราะหากพระองค์รับราชสมบัติเพียงพระองค์เดียวจะเกิดอัปมงคล ด้วยไปกีดกันบารมีของสมเด็จพระอนุชา ถ้ามีพระเจ้าแผ่นดินสองพระองค์เหมือนอย่างสมเด็จพระนเรศวรสถาปนาสมเด็จพระเอกาทศรถเป็นพระเจ้าแผ่นดินด้วยก็จะพ้นจากอัปมงคล เจ้าพระยาพระคลังจึงไปเข้าเฝ้าเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ณ พระราชวังเดิมตามรับสั่ง
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394 สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เหล่าขุนนางมาประชุมพร้อมกันแล้วกราบทูลเชิญทั้งสองพระองค์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว
จึงมีพระราชดำริว่าสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ก็ทรงพระปรีชารอบรู้กิจการต่าง ๆ มีผู้ใหญ่ผู้น้อยนิยมนับถือมาก สมควรที่จะพระราชทานยศใหญ่กว่ากรมพระราชวังบวรสถานมงคลแต่ก่อน ๆ แต่เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศฯ ยังไม่ได้รับพระสุพรรณบัฏตั้งพระนาม ทำให้ไม่มีพระนามเดิม ดูเป็นการต่ำทรามไป จึงพระราชทานพระสุพรรณบัฏตั้งพระนามเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าอิศเรศจุฑามณี ชั้นหนึ่งก่อน แล้วจึงพระราชทานพระสุพรรณบัฏในการพระราชพิธีบวรราชาภิเษกในวันที่ 25 พฤษภาคม ว่า
"พระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศวร์ มหิศเรศรรังสรรค์ มหันตวรเดโช ไชยมโหฬารคุณอดุลยเดช สรรพเทเวศรานุรักษ บวรจุลจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธเคราะหณีจักรีบรมนารถ อิศวรราชรามวรังกูร บรมมงกุฎนเรนทรสูรยโสทรานุชาธิบดินทร เสนางคนิกรินทรบวราธิเบศร พลพยุหเนตรนเรศวรมหิทธิวรนายก สยามาทิโลกดิลกมหาบุรุษรัตน ไพบูลยพิพัฒนสรรพศิลปาคม สุนทโรดมกิจโกศล สัตปดลเศวตฉัตร สิริรัตนบวรมหาราชาภิเศกาภิสิต สรรพทศทิศพิชิตไชย อุดมมไหสวริยมหาสวามินทร สเมกธรณินทรานุราช บวรนารถชาติอาชาวศรัย ศรีรัตนไตรสรณารักษ อุกฤษฐศักดิสรรพรัษฎาธิเบนทร ปวเรนทรธรรมมิกราชบพิตร พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว"