หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

"Food Protectionism" หวั่นดันต้นทุนวัตถุดิบอาหารสูงต่อเนื่อง

โพสท์โดย Napha Tamee

อัปสร พรสวรรค์

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อมาแรมเดือนจุดชนวนผลกระทบเศรษฐกิจโลกหลายด้าน โดยเฉพาะแนวโน้ม “วิกฤตอาหารโลก” เขย่าความมั่นคงทางอาหารของประชากรโลก จากการที่ทั้งสองประเทศหยุดการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญอย่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี เรพซีดออยล์ และน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อสำรองอาหารและพลังงานไว้เพื่อความมั่นคงในประเทศ ซึ่งสินค้าธัญพืชเหล่านั้นเป็นปัจจัยการผลิตสำคัญในการเลี้ยงสัตว์และผลิตอาหาร และกำลังกลายเป็นกระแสผลักดันให้ประเทศผู้ผลิตอาหารออกนโยบาย “ห้ามส่งออก” ในแบบเดียวกัน เพื่อรักษาสมดุลอาหารเพื่อเลี้ยงคนในประเทศ

ประเทศที่ห้ามส่งออกธัญพืชสำคัญและอาหารขณะนี้นอกจากรัสเซีย-ยูเครน แล้ว ติดตามมาด้วยอินโดนีเซียประกาศห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มสำหรับทำอาหาร คาซัคสถาน จำกัดการส่งออกข้าวสาลีและแป้งสาลี เป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ขณะที่อาร์เจนตินา จำกัดการส่งออกเนื้อวัว ยาวจนถึงปี 2556 และล่าสุดอินเดีย ประกาศห้ามส่งออกข้าวสาลี ด้วยเหตุผลที่ไม่แตกต่างกับประเทศอื่นๆ คือ เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหารให้กับคนในชาติของตน เหล่านี้อาจจะเป็นเหตุผลให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และราคาอาหารปรับเพิ่มขึ้นรอบใหม่ได้

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า บรรดาผู้ซื้อข้าวสาลีทั่วโลกได้แห่ไปซื้อข้าวสาลีจากอินเดีย หลังจากที่การส่งออกข้าวสาลีจากเมืองท่าแถบทะเลดำลดลงตั้งแต่รัสเซียบุกโจมตียูเครน ส่งผลให้ราคาข้าวสาลีตลอดจนผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลีในอินเดียพุ่งสูงถึง 15-20% หลังสงครามรัสเซียยูเครนปะทุ เช่นเดียวกับราคาข้าวสาลีในตลาดโลกพุ่งสูงสุดในรอบ 14 ปี ซึ่งไม่เพียงแต่จะกระทบต่อปัจจัยต้นทุนราคาอาหาร การห้ามส่งออกข้าวสาลีของอินเดียยังคาดว่าจะกระทบต่อต้นราคาอาหารสัตว์ให้มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

เห็นได้ว่านโยบายปกป้องตัวเองเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารเฉพาะตัว (Food Protectionism) เริ่มแพร่หลายไปในหลายประเทศแม้ไม่ได้อยู่ในภาวะสงครามก็ตาม เพราะต่างตระหนักถึงผลกระทบทางตรงต่อนโยบายบริหารประเทศช่วงต่อจากนี้ไป คือ ภาวะเงินเฟ้อและการขาดแคลนอาหารโดยเฉพาะประเทศที่นำเข้าอาหาร เช่น แอฟริกา เนื่องจากประเทศผู้ส่งออกอาหารจะไม่สามารถหาวัตถุดิบมาสนับสนุนการผลิตได้เต็มประสิทธิภาพ หรือ หาได้ก็มีต้นทุนสูงมากจนทำให้ต้องปรับราคาให้สูงขึ้นด้วย ราคาสินค้าสูงก็จะผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งเป็นเหตุผลที่รัฐบาลแต่ละประเทศพยายามหลีกเลี่ยง

การหยุดส่งออกข้าวโพดเลี้ยงและข้าวสาลีของผู้ส่งออกรายใหญ่ระดับโลก ทั้งรัสเซีย ยูเครน และอินเดีย มีผลกระทบโดยตรงต่อภาคปศุสัตว์ของไทย เพราะนอกจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ดังกล่าวจะปรับสูงขึ้นมากกว่า 30% แล้ว ยังต้องหาแหล่งนำเข้าใหม่ที่เหมาะสมและไม่ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงเกินไป ควบคู่กับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้เนื้อสัตว์มีราคาสูงจนประชาชนไม่สามารถเข้าถึงได้

ปัจจุบัน ภาคปศุสัตว์ไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวสาลี เพื่อทดแทนส่วนที่ขาดแคลนเพราะผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยปัจจุบันต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประมาณ 3 ล้านตัน (ผลผลิตในประเทศมีเพียง 5 ล้านตัน และความต้องการอยู่ที่ 8 ล้านตัน) ส่วนการนำเข้าข้าวสาลี เพราะมีราคาถูกกว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงมีการปรับสูตรอาหารสัตว์ใช้ข้าวสาลีเป็นวัตถุดิบทดแทน และแม้รัฐบาลจะผ่อนปรนมาตรการ 3 : 1 เป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 3 สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม 2565 โดยกำหนดโควต้านำเข้า 600,000 ตัน ภาษี 0% ซึ่งปกตินำเข้าจากเมียนมาและอินเดีย เมื่ออินเดียระงับส่งออกเท่ากับไทยต้องหาแหล่งนำเข้าใหม่ที่ไกลออกไป เช่น ออสเตรเลีย หรือ ประเทศในอเมริกาเหนือ ซึ่งจะมีต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น

 

ทั้งนี้ ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมา (9-13 พ.ค. 65) อยู่ที่ 13.05 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยรายงานว่าเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 24 ปี ระดับราคาดังกล่าวเกษตรกรภาคปศุสัตว์คงอยู่ยากในภาวะเช่นนี้

นอกจากนี้ การที่ไทยต้องเสาะหาแหล่งนำเข้าใหม่ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสตว์จะต้องสูงขึ้นด้วย ดังนั้นราคาเนื้อสัตว์ช่วงต่อจากนี้ไปอาจจะยืนราคาสูง ตามกลไกตลาดสมดุลราคาและต้นทุนวัตถุดิบในการผลิต จนกว่าสงครามจะเลิกราและผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศฤดูใหม่จะออกสู่ตลาดและทำให้ต้นทุนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลง เมื่อนั้นราคาเนื้อสัตว์ก็มีแนวโน้มที่ราคาจะปรับลงตามอุปสงค์-อุปทาน

บทสรุปของ Food Protectionism คือ การบริหารจัดการที่ดีเริ่มตั้งแต่ภาครัฐ ต้องส่งเสริมภาคการผลิตด้วยการลดอุปสรรคทางการค้าทั้งกฎเกณฑ์ มาตรการและภาษีนำเข้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคการผลิตมีความคล่องตัว สินค้ามีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ ขณะเดียวกันราคาสินค้าต้องสมดุลเป็นไปตามกลไกตลาด สร้างความเป็นธรรมกับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ “ผู้บริโภคอยู่ได้ ผู้ประกอบอยู่รอด” อาหารไม่ขาดแคลนและไม่หายไปจากตลาด สร้างหลักประกันอาหารมั่นคงและปลอดภัยให้คนไทย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ดำเนินนโยบายปกป้องระบบอาหารของตนเอง ในทางกลับกันไทยมีศักยภาพสูงที่จะเป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญ เพื่อเลี้ยงประชากรโลกตามเป้าหมายของประเทศสู่การเป็น “ครัวของโลก” อย่างแท้จริง

เนื้อหาโดย: Napha Tamee
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Napha Tamee's profile


โพสท์โดย: Napha Tamee
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัลปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิตเซียนหวยคึกคัก ม้าสีหมอกปล่อยแนวทางเลขเด็ด งวด 2 มกราคม 2568"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบเขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์เขมร ช่วยกันหามร่าง ผู้เสียชีวิตลงมา จากเขาพระวิหารทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจายคุก 2 ปี "แอน จักรวาล" ไม่รอลงอาญาAI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปีสิบเลขขายดีแม่จำเนียร งวด 2/1/69
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เขมร ช่วยกันหามร่าง ผู้เสียชีวิตลงมา จากเขาพระวิหารแกงกระด้าง:อาหารเหนือหน้าหนาวคนไต้หวันแห่สั่ง "กล้วยเหล็ก" ในวันคริสต์มาสอีฟ..เขาเอาไปทำอะไรกันขนมหม้อทอง ขนมสมัยพระนารายณ์ปักธงผืนสุดท้ายเหนือ "ปราสาทคนา" ทัพไทยบุกยึดคืนสำเร็จเป็นที่แรก แต่ปักธงสถาปนาชัยชนะเป็นที่สุดท้าย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด อาหาร
มื้ออร่อยข้าวต้มกุ๊ยอาหารตามสั่ง by เชฟเทียน🌾 กินนมแล้วท้องเสีย — ทำไมถึงเป็นแบบนี้?ชายวัย 60 ปี กินแต่ "ของต้ม" หวังสุขภาพดี แต่กลับมีปัญหาสมองตื้อและความจำเสื่อม
ตั้งกระทู้ใหม่