ทำไม ทอท. ต้องเยียวยาผู้ประกอบการในสนามบิน
ขอบคุณภาพจาก https://mgronline.com/business/detail/9620000026056
ก่อนที่เราจะไปประเด็นว่าการที่ ทอท. เยียวยาดิวตี้ฟรี รวมถึงผู้ประกอบการในสนามบินนั้นมันผิด พรบ.การเงินการคลังหรือไม่ เราอาจจะต้องกลับไปพิจารณาถึงที่มาที่ไปของการเยียวยาในครั้งนี้ดีกว่า
เท่าที่ติดตามประเด็นนี้มาการที่ ทอท. ออกมาเยียวยา ก็เหมือนกับเป็นตัวแทนของภาครัฐ ที่ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการภายในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นผู้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ (เช่าขายของ ขายอาหาร) หรือผู้ที่ประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีมาก็ดี ที่พวกเขาได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศของไทยเป็นระยะเวลาก็ 2 ปี เพิ่งจะมาเปิดประเทศได้เมื่อประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา
และเนื่องจากนโยบายการปิดประเทศทำให้ไม่มีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการสนามบิน ธุรกิจในสนามบินไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างปกติ และถ้า ทอท. ไม่ได้ช่วยเหลือ สิ่งที่จะตามมาก็คือ “สนามบินร้าง” เพราะร้านต่างๆ ก็อาจจะต้องถอนตัวกันหมด
จากนั้น ทอท.เองก็ต้องขาดรายได้ ทอท.เล็งเห็นแล้วว่า ควรที่จะรักษาพวกเขาเหล่านั้นไว้ เพื่อให้ทุกฝ่ายยังสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ ไว้ประเทศกลับมาเปิดให้เดินทางได้อย่างเต็มที่เมื่อไหร่ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาประมูล หรือทำสัญญากันใหม่อีก
และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นประเด็นกันมาอย่างยาวนานคือสัญญาสัมปทานของดิวตี้ฟรี
ในกรณีนี้ จขกท. เข้าใจ ทอท. อย่างยิ่ง เพราะถ้ามีการยกเลิกสัญญา ทอท.ก็เสียผลประโยชน์เหมือนกัน
เพราะก่อนที่จะมีโควิด ได้มีการประมูลดิวตี้ฟรีกันมาโดยผู้ที่ชนะ คือผู้ที่บอกว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนกับ ทอท. ด้วยตัวเลขที่สูงที่สุด และมากขึ้นกว่าเดิม แต่ในรายละเอียดการประมูลนั้น ทาง ทอท.เอง ก็ได้มีการประมาณการผู้โดยสารที่จะเข้ามาใช้บริการในสนามบิน
ถ้า ทอท. ไม่ได้มีตัวเลขสัญญานี้ไม่งั้นผู้ประมูลคงไม่สามารถที่จะประเมินการจ่ายผลตอบแทนสัมปทานได้หรอก
ในเมื่อเกิดเคสการระบาดโควิด ที่ทุกฝ่ายไม่เคยเจอมาก่อน ปิดประเทศจนตัวเลขผู้ใช้บริการสนามบินก็ลดลง นักท่องเที่ยวต่างชาติแทบจะไม่ต้องพูดถึง มีจำนวนเป็น 0 กินเวลาเป็นขวบปี คนที่ทำธุรกิจในนั้นจะไปหารายได้จากไหน
แล้วยังจะให้ยึดการจ่ายผลประโยชน์เหมือนเดิม จนผู้ที่ชนะประมูลไม่สามารถจ่ายอัตราเท่าเดิมได้ เท่ากับว่าต้องออกไป
ทอท. ต้องเดินหน้าทำสัญญาใหม่ ในสภาวการณ์เช่นนี้การทำประมูลใหม่ ใครจะอยากเข้ามาประมูลเพื่อลงทุน ถ้ามีคนเข้ามาประมูล ผลตอบแทนที่สัญญาว่าจะให้ ก็คงไม่ได้เยอะเท่ากับเจ้าเดิม
ทอท. คงเล็งเห็นแล้วแหละ ว่าต้องมีการเยียวยา อย่างน้อยก็ให้พ้นวิกฤตไปในช่วง 2-3 ปีนี้ก่อน ทุกเจ้ายังอยู่กับ ทอท. เหมือนเดิม เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง สามารถเปิดประเทศมีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการได้อย่างเดิม ก็เท่ากับว่า ทอท. ก็มีโอกาสที่จะกลับมารับผลตอบแทนในสัญญาเดิม อย่างที่ไม่เคยมีผู้ประมูลจากเจ้าไหนให้มาก่อน
ขอบคุณภาพจาก https://www.thansettakij.com/business/512831
เหตุการณ์โควิดนี่มันสุดวิสัยจริงๆ แต่ด้วยความที่ ทอท. เป็นรัฐวิสาหกิจ ก็ตกเป็นเป้านิ่งใหญ่ให้ใครต่อใครตั้งคำถามได้อยู่แล้ว
ว่าการกระทำแบบนี้เป็นการเอื้อผลประโยชน์หรือไม่?
การที่เยียวยาแบบนี้มันผิดต่อ พรบ. การเงินฯ หรือไม่?
สำหรับข้อคำถามต่างๆ ทาง ทอท. ได้ออกมาชี้แจงแล้ว สามารถอ่านรายละเอียดตามด้ามลิงค์ด้านล่างนี้เลย https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/51258
สำหรับประเด็นนี้ จขกท. ก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มคนที่ออกมาตั้งคำถามพวกนี้ก็ไม่พ้นเกมการเมือง ที่เอาไว้ใช้โจมตีรัฐบาล ซึ่งก็เป็นอีก 1 ในหลายๆ ประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับการตีความด้วย
ว่าตีความแบบไหนถึงจะเข้าข่ายผิด หรือไม่ผิด
จขกท. จึงอยากที่จะนำเสนอ อีกมุมหนึ่งเพื่อให้เห็นว่าประเด็นนี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไร เพื่อเอาให้ทุกท่านได้ลองอ่านและรวบรวมข้อมูลไปพิจารณากันครับ
อ้างอิงจาก: mgronline,thansettakij