หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

จอประสาทตาเสื่อมคือโรคอะไร ทำไมถึงต้องเข้ารับการรักษา

โพสท์โดย daisydaily

เมื่ออายุสูงเพิ่มขึ้นอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะเกิดการเสื่อมสภาพลง โดยการเสื่อมสภาพที่เกิดขึ้นบนร่างกายก็จะเป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ มากมายรวมถึงดวงตาด้วยเช่นกัน เมื่อรู้สึกว่าเริ่มมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ผิดปกติ เช่น มองเห็นไม่ชัด ตาสู้แสงไม่ได้ เห็นภาพบิดเบี้ยวและอาการอื่น ๆ นั้นอาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ หากปล่อยไว้จะทำให้สูญเสียการมองเห็นบางส่วนซึ่งสายเกินรักษาได้

 

ทำความรู้จัก โรคจอประสาทตาเสื่อม

จอประสาทตาเสื่อม เป็นโรคที่พบมากในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยโรคจอประสาทตาเสื่อมมีสาเหตุเกิดจากบริเวณส่วนกลางของจอประสาทตาเกิดการเสื่อมสภาพลง จึงทำให้การมองเห็นเกิดความผิดปกติหากไม่เข้ารับการรักษาอาจส่งผลทำให้ดวงตาสูญเสียการมองเห็นบางส่วนได้

จอประสาทตาเสื่อม แบ่งเป็น 2 ชนิด

1. จอประสาทตาเสื่อมชนิดแห้ง (Dry AMD)

จอประสาทตาเสื่อมชนิดแห้ง เป็นประเภทที่พบมากเกือบ 90% ของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้งหมด โดยเซลล์จอประสาทตาจะบางและเสื่อมลง ทำให้มีการมองเห็นลดลงอย่างช้า ๆ ในผู้ป่วยบางรายมีโอกาสที่โรคจะพัฒนากลายเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียกได้

2. จอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก (Wet AMD)

จอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก เป็นประเภทที่พบประมาณ 10% ของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้งหมด โดยเกิดจากเส้นเลือดฝอยงอกผิดปกติหลังจอประสาทตา เมื่อเส้นเลือดฝอยแตก ก็จะทำให้ของเหลวในหลอดเลือดรั่วไปโดนจุดรับภาพ ทำให้จุดกลางรับภาพจอประสาทตาบวม และสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็วเฉียบพลัน

 

จอประสาทตาเสื่อม เกิดจากสาเหตุใด

จอประสาทตาเสื่อม เกิดจากการเสื่อมสภาพหรือเกิดความผิดปกติในส่วนกลางของจอประสาทตา ซึ่งแต่ละประเภทของจอประสาทตาเสื่อมจะแตกต่างกัน โดยจอประสาทตาเสื่อมชนิดแห้งจะเป็นการเสื่อมตามสภาพร่างกาย ส่วนจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียกจะเป็นการที่ของเหลวที่อยู่ภายในเส้นเลือดฝอยรั่วบริเวณจุดรับภาพ ทำให้จอประสาทตาบวม

ปัจจัยเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม

สาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมมีหลายประเภท ดังนี้

 

อาการของโรคจอประสาทตาเสื่อม

สัญญาณเตือนอาการเริ่มต้นของโรคจอประสาทตาเสื่อม

จอประสาทตาเสื่อม อาการเริ่มต้นมีสิ่งที่เหมือนกัน เช่น ตามัว เห็นจุดดำกลางภาพ เห็นภาพเบี้ยว ตาสู้แสงไม่ได้ เห็นสีเพี้ยน เป็นต้น แต่จะมีจุดอาการแตกต่างตามประเภทของโรค ดังนี้

อาการจอประสาทตาเสื่อมแบบแห้ง

อาการเริ่มต้นจะมองเห็นไม่ชัด เบลอ หรือ เห็นจุดดำกลางภาพ และอาการจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ จนสูญเสียการมองเห็นส่วนกลางของภาพในที่สุด

อาการจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก

อาการเริ่มต้นจะมองเห็นไม่ชัด เห็นภาพเบี้ยว แต่เนื่องจากของเหลวที่อยู่ภายในหลอดเลือดรั่วออกมาจึงทำให้ดวงตาเห็นจุดดำกลางภาพขนาดใหญ่อย่างเฉียบพลัน ทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็ว

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคจอประสาทตาเสื่อม

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเพราะโรคจอประสาทเสื่อม เช่น

 

วิธีทดสอบจอประสาทตาเสื่อมด้วยตัวเองเบื้องต้น

จอประสาทตาเสื่อม เป็นภัยเงียบที่หลาย ๆ คนไม่ได้สังเกต ซึ่งในผู้ป่วยบางคนกว่าจะทราบว่าเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมก็เป็นช่วงที่การมองเห็นเสียหายมากแล้ว ดังนั้น จึงขอแนะนำวิธีทดสอบเบื้องต้นด้วยตนเอง ดังนี้

  1. กรณีที่มีแว่นสายตาให้ใส่ก่อนทำการทดสอบ โดยจะทดสอบสภาพดวงตาทีละข้าง
  2. นำแผ่นตารางถือในระยะการอ่านหนังสือ หรือระยะประมาณ 30-35 เซนติเมตร
  3. มองไปที่่จุดตรงกลางตาราง หากเห็นเส้นเป็นเส้นตรง นับว่าสายตาปกติ แต่ถ้าหากไม่เห็นจุดตรงกลางตารางหรือว่าเห็นเส้นไม่ตรง เส้นซ้อน เส้นขาด หรือมีเงาดำบัง ถือว่าสายตาผิดปกติ ต้องรีบเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

การตรวจวินิจฉัยโรคจอประสาทตาเสื่อม

การตรวจวินิจฉัยจอประสาทตาเสื่อม สามารถตรวจได้หลายวิธี เช่น

ตารางตรวจจุดภาพชัด (Amsler grid)

เป็นการทดสอบอย่างง่ายด้วยการมองตารางตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทดสอบโดยการมองจุดตรงกลางของตาราง เพื่อตรวจดูว่าการมองเห็นมีความผิดปกติหรือไม่

เครื่องตรวจตา (Ophthalmoscopy)

นำยาหยอดเพื่อขยายม่านตาแล้วใช้เครื่องตรวจตาตรวจดูความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นข้างหลังจอประสาทตา

การตรวจจอประสาทตาโดยการฉีดสี (Fluorescein Angiography)

นำสารฟลูออเรสซีนที่เป็นสารละลายเรืองแสงมาฉีดเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อหาความผิดปกติของหลอดเลือด ถ้าหากกรณีที่จุดรับภาพมีการบวม ก็จะเห็นตำแหน่งที่สีเกิดการรั่วได้ ซึ่งหลังจากผ่านไป 10 นาทีสารฟลูออเรสซีนจะค่อย ๆ จางหายไป

 

แนวทางการรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อม

เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาจอประสาทเสื่อมได้อย่างถาวร แต่ควรเข้ารับการรักษาจอประสาทตาเสื่อมเพื่อชะลออาการของโรค รวมถึงควบคุมไม่ให้อาการทรุดลงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น

การฉายแสงเลเซอร์

เป็นการใช้เลเซอร์ฉายให้เกิดความร้อนบนจอประสาทตาเพื่อยับยั้งและชะลอการเกิดของเส้นเลือดที่ขึ้นอย่างผิดปกติบริเวณใต้จอประสาทตา แต่ว่าการรักษานี้มีข้อจำกัดที่ความร้อนยังทำลายหลอดเลือดและจอประสาทตาส่วนที่ปกติ อีกทั้งยังทำให้เกิดแผลเป็นที่เป็นลักษณะจุดดำมืด ทำให้บริเวณที่มีจุดดำจะสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร แต่การสูญเสียจะรุนแรงน้อยกว่าการไม่เข้ารับการรักษา

เป็นการให้ยาทางเส้นเลือดให้จับกับเซลล์ที่มีการแบ่งตัวผิดปกติบริเวณใต้จอประสาทตา จากนั้นจึงฉายแสงเลเซอร์ที่ไม่เกิดความร้อนให้ยาเกิดปฏิกิรินาทำลายหลอดเลือดที่มีความผิดปกติ ซึ่งการรักษานี้จะมีข้อดีที่ว่าไม่ทำลายหลอดเลือดและจอประสาทตาส่วนที่ปกติ เหมือนกับการฉายแสงเลเซอร์บนจอประสาทตา อีกทั้งยังมีโอกาสรักษาให้การมองเห็นกลับมาใกล้เคียงกับปกติ แต่การรักษานี้มีข้อจำกัดที่ต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งเพื่อเห็นผลและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

การฉีดยาในกลุ่ม Anti-VEGF

เป็นการฉีดยา Anti-VEGF เข้าไปในน้ำวุ้นตาในเยื่อบุตาขาว โดยยาในกลุ่มนี้จะเป็นตัวลดการอักเสบในตา และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นเลือดที่งอกอย่างผิดปกติ การรักษาด้วยวิธีนี้ ใน 1 เดือนควรเข้ารับฉีดยาอย่างน้อย 3 ครั้ง ระยะเวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน

การผ่าตัดรักษาจอประสาทตาเสื่อม

เป็นการผ่าตัดเพื่อนำหลอดเลือดที่ขึ้นผิดปกติออกจากข้างใต้จอประสาทตา รวมถึงยังสามารถรักษากรณีที่เลือดออกใต้จอประสาทตา โดยหลังการผ่าตัดผู้ป่วยจะมีการมองเห็นลดลง

วิธีป้องกันจอประสาทตาเสื่อม

ไม่มีวิธีที่จะป้องกันจอประสาทตาเสื่อได้อย่างสมบูรณ์ แต่สามารปฏิบัติตนเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดจอประสาทตาเสื่อมได้โดย

 

คำถามที่พบบ่อย

จอประสาทตาเสื่อม สามารถเกิดในคนอายุน้อยได้หรือไม่

สามารถเกิดได้ เนื่องจากโรคนี้สามารถเกิดได้ผ่านพันธุกรรม กล่าวคือ กรณีที่สมาชิกในครอบครัวมีโรคนี้ ก็มีโอกาสที่จะเกิดโรคนี้ได้แม้ว่าจะยังอายุน้อยก็ตาม นอกจากนี้การทำพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นระยะเวลานาน รวมถึงการโดดแสงแดดเป็นประจำ ก็ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้จอประสาทตาเสื่อมไวขึ้น

จอประสาทตาเสื่อม มีโอกาสทำให้ตาบอดได้ไหม

มีโอกาสทำให้ตาบอด แต่จอประสาทตาเสื่อมจะทำให้มองไม่เห็นในช่วงตรงกลางของภาพเท่านั้น ดวงตายังสามารถเห็นภาพบริเวณด้านข้างได้อยู่

มียารักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมหรือไม่

ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมให้หายขาดได้ มีเพียงแค่การฉีดยาเพื่อประคองอาการของโรคไม่ให้ทรุดตัวเร็วขึ้น รวมถึงระยะอาการของโรคก็มีส่วนด้วยเช่นกัน โดยยิ่งอาการของโรครุนแรงการใช้ยาในการรักษาก็จะมีประสิทธิภาพลดลง

จอประสาทตาเสื่อม ควรทานวิตามินอะไรบ้าง

จอประสาทตาเสื่อม ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามิน A ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตา โดยวิตามิน A พบได้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ได้แก่ ไข่แดง น้ำนม เนย และยังมีสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามิน A ได้ เช่น ลูทีน(Lutein) และซีแซนทีน(Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายต้องการเป็นอย่างมากต่อการลดความเสี่ยงการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม รวมถึงโรคเกี่ยวกับตาอื่น ๆ โดยพบสารลูทีนและซีแซนทีนมากในผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า บร๊อกโคลี่ ผักโขม ข้าวโพดหวาน ถั่ว และผลไม้ที่มีสีแดง ส้ม เหลือง เป็นต้น นอกเหนืจากวิตามิน A แล้วยังควรทานอาหารที่มีวิตามิน C E และกรดไขมันอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงดวงตา

 

ข้อสรุป

จอประสาทตาเสื่อมเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับดวงตา ไม่สามารถรักษาให้หายขาดอย่างถาวร แต่หากไม่เข้ารับการรักษาก็จะทำให้สูญเสียการมองเห็นส่วนกลางได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้จอประสาทตาเสื่อมไวขึ้น และควรเข้ารับการตรวจสภาพดวงตาเป็นประจำเพื่อตรวจว่ามีความเสี่ยงเป็นจอประสาทตาเสื่อมหรือไม่ นอกจากนี้หากการมองเห็นเกิดความผิดปกติก็ควรเข้าพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและทำการรักษาก่อนที่จะสายเกินไป

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.samitivejchinatown.com/th/health-article/age-related-macular-degeneration
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
daisydaily's profile


โพสท์โดย: daisydaily
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ซูเปอร์สตาร์ที่ไม่มีงานแสดง แต่เป็นเศรษฐีระดับพันล้านสำนักงานพุทธฯ สั่งตรวจสอบ พ่อแม่ "น้องไนซ์" เชื่อมจิตหนุ่มเครียด! แฟนไปทำศัลยกรรม แล้วหน้าตลกจนไม่มีอารมณ์..ด้วย?สื่อนอกเผย "ไทยติดโควิด 1,004 ราย หลังสงกรานต์""หนุ่ม กรรชัย" ลั่น! ไม่ทะเลาะกับเด็ก แต่ผู้ใหญ่ไม่แน่..หลังต้องอ่านข่าวลัทธิเชื่อมจิตสาวคาซัคสถาน ทนไม่ไหว ทำสัญญาเลิกจากการเป็นทาสอย่างเด็ดขาด (โปรดดูหน้านายทาส รูปสุดท้าย ดูเต็มใจม๊ากมาก)คดีฆ่ๅชำแหละยัดถุงดำ เป็นฝีมือชาวญี่ปุ่นนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ตั้งกรรมการสอบ ปมไอลอว์ตั้งคำถามเล่มจบ ป.เอกของ "สว.สมชาย" ข้อความคล้ายหลายแหล่งคู่รักชาวจีนขโมยสร้อยข้อมือ จากร้านในไทย ก่อนชิ่งบินหนีกลับจีน3 ราศีที่เป็นเสือซุ่ม ฉลาดแต่ไม่ชอบอวด(Viganella) หมู่บ้านไม่มีแสงดวงอาทิตย์ส่องถึงเลยหนุ่มเขมรเอวพริ้ว โชว์สเต็ปแดนซ์ K POP ที่งานมินิคอนเสิร์ตญี่ปุ่น!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ดวงรายสัปดาห์ ทั้ง 7 วัน ระหว่างวันที่ 22–28 เมษายน 2567 พยากรณ์โดย อ.กุ้งพยากรณ์นิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ตั้งกรรมการสอบ ปมไอลอว์ตั้งคำถามเล่มจบ ป.เอกของ "สว.สมชาย" ข้อความคล้ายหลายแหล่งเปิดเผย 2 กระบวนท่าลับ ใน 10,000 กระบวนท่าต่อสู้ ของท่านปรมาจารย์ ซานกิมซอน ฝ่าเท้าโต้เงาคลื่น และ อ้อมแขนถล่มขุนเขาคดีฆ่ๅชำแหละยัดถุงดำ เป็นฝีมือชาวญี่ปุ่นทำไมเราถึงชอบกลิ่นหนังสือ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Variety
บ้านที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัยเดินป่าเพื่อสำรวจธรรมชาติรอบตัวเรานวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยล้างสารพิษในร่างกายเล่นสนุกเสริมพัฒนาการในวัยอนุบาล
ตั้งกระทู้ใหม่