ชีวิตบนขอบหน้าต่าง
ชีวิตบนขอบหน้าต่าง
โดย : อักษราลัย
ในช่วงที่มืดมนและเงียบเหงาอย่างที่สุด ท้องฟ้าสายลมแสงแดดไม่อาจเป็นเพื่อนให้ความสุขอย่างที่เคย ความคิดเหมือนดังพายุพัดกระจัดกระจาย แตกกระสานซ่านเซ็นอย่างไม่คิดจะนำพาว่าเจ้าของจะเป็นอย่างไร ชีวิตที่เปลี่ยนผันอย่างรวดเร็วจากบ้านเป็นคอนโดทำเอารติตาสับสน เคว้งคว้าง เธอเคยรู้สึกสงบเงียบ แต่ก็รู้สึกมั่นคง ภายในบ้านที่แม้จะเดียวดายเพียงลำพังก็ไม่ได้โหวงเหวงแบบชีวิตบนตึกเยี่ยงนี้
ระเบียงคอนโดคือที่ทำให้เธอสงบใจลงบ้าง บรรยากาศบนตึกมองออกไปช่างกว้างไกล ไร้ขอบเขต ฟ้ากว้างและใกล้กว่าที่เคย หมู่มวลเมฆก้อนแล้วก้อนเล่าเหมือนคือเพื่อนใกล้ชิด สายลมแรงก่อนฟ้าร้องครืนเสมือนปลอบขวัญว่าไม่ได้เดียวดายลำพัง หลายคืนค่ำที่นอนฟังฝนพร่างพรมเสมือนดนตรีเห่กล่อมให้หลับใหล จวบจนเธอสังเกตเห็นขนนกปลิวกระจายบนขอบระเบียง ต่อมาก็เป็นเศษกิ่งไม้เล็ก ๆ แล้วเจ้าของก็ปรากฏตัว นกเขาเดาว่าตัวเมียมายึดขอบหน้าต่างห้องน้ำที่อยู่บนระเบียงที่พัก มันนอนเงียบ นิ่ง เนิ่นนานแบบนั้นทุกวัน วันแล้ววันเล่า รติตาเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดและสนใจ เธอไม่มีความรู้เรื่องนก ไม่เคยเลี้ยง แต่ก็ปรารถนาดีอยากให้อาหาร จึงแบ่งมักกะโรนีสามสี่ชิ้นใส่ชามวางไว้ให้ใกล้ขอบหน้าต่าง สามวันผ่านไปมักกะโรนียังอยู่เท่าเดิม
'คงไม่ชอบสินะ' รติตาครุ่นคิด ก่อนจะเอาข้าวสวยแบ่งใส่กล่องวางไว้ให้ตรงที่เดิม ไม่รู้ว่านกเขากินหรือไม่ แต่เธอก็ไม่เคยเห็นนกเขาบินไปไหน มองไปทีไรก็นอนนิ่งบนขอบหน้าต่างอยู่อย่างนั้น สบตากันทุกครั้งยามเธอเข้าห้องน้ำ และนั่งเล่นบนระเบียง ต่างคนต่างอยู่แบบอย่าเข้าไปใกล้ เพราะเคยหวังดีเอื้อมมือไปใกล้เพื่อยื่นขนมจากมือไปให้ เจ้านกน้อยบินหนีออกไปไกล นานนับชั่วโมงกว่าจะยอมกลับมา นั่นคือครั้งแรกที่เรียนรู้ว่าจะต้องมีระยะห่างระหว่างกัน
รติตากับชีวิตใหม่ที่ไม่ใช่ขอบหน้าต่าง แต่ก็แทบไม่ต่างกัน เพราะการเดินไปบนเส้นทางใหม่นี้ มันตีบเล็กแคบไม่ต่างกัน วันที่ลงมือเริ่มจรดปากกาเขียนหนังสือ ใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียน เส้นทางนี้สลัวมัวซัวมีแต่ม่านหมอก แต่เธอก็พยายามฝ่าฟัน ด้วยเพราะชีวิตนี้เคยชินเสียแล้วกับการไขว่คว้าสิ่งที่อยากได้มาด้วยสองแขนของตัวเอง
ในวันที่ทดท้อกับผลประกาศงานเรื่องสั้นที่ตกรอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต่างอะไรกับนกน้อยที่กระเซอะกระเซิงหลบฝนเข้ามาในวันฟ้าฝนกระหน่ำ มันสะบัดปีกไล่น้ำ และกกไข่ต่อไป ใช่! รติตาเองก็ได้คิด ฉันก็ต้องเชิดหน้าปาดน้ำตาแล้วมุ่งมั่นเดินต่อไปสินะ
งานแล้วงานเล่าที่เธอเฝ้าเขียน เฝ้าส่งไปตามเวทีต่าง บางที่เงียบเหมือนสายลมพัดผ่าน ไร้แม้สุ้มเสียงใด ๆ ไม่มีคำตอบกลับ แต่ไม่มีงานของเธอเผยแพร่ รู้ตัวโดยอัตโนมัติว่าไม่ผ่าน
ในวันที่ลังเลถึงขีดสุดของชีวิต กำลังตัดสินใจจะไปต่อหรือจะพอแค่นี้ เสียงโทรศัพท์จากไปรษณีย์โทรมาแจ้งว่ามีจดหมายลงทะเบียนมาถึง เธอตอบรับแล้วเดินลงไปทีละขั้น เหมือนค่อย ๆ ทำสมาธิไปในตัว มือไม้สั่นเมื่อเห็นซองจ่าหน้าถึงเธอจากกระทรวงวัฒนธรรมที่ส่งผลงานเข้าไปร่วมด้วยเนื่องในวาระวันแม่ เมื่อกลับเข้าห้องมาเธอบรรจงใช้คัตเตอร์กรีดไปตามขอบซองกระดาษสีน้ำตาลนั้นอย่างเบามือ ค่อย ๆ ดึงใบประกาศนั้นออกมา น้ำตาเอ่อคลอออกมาอย่างสุดจะฝืน
เธอชนะระดับจังหวัดของกรุงเทพมหานคร
นี่สินะ ผลของความพยายาม นี่สินะคำตอบของคำถามที่เธอถามตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน วันนี้แม้ผลนั้นจะสะท้อนกลับมาเพียงนิด แต่ก็ไม่ต่างจากแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่มีลอดมาให้เห็น เหมือนเป็นแรงขับเพื่อให้เธอก้าวต่อไป เธอจะก้าวต่อไปจะไม่ยอมแพ้
ก็ในเมื่อนกยังไม่ยอมแพ้กับการดำรงชีวิต แค่ขอบหน้าต่าง ๆ เล็ก ยังก่อกำเนิดลูกนกได้ แล้วเธอเป็นคนแท้ ๆ จะยอมแพ้ได้ยังไง...🤟