แก้ปีชง
โดย : อักษราลัย
1.
“เอ มึงอย่าลืมไปแก้ปีชงนะเว้ย จะได้ไม่สะเทือนถึงกู”
“มึงนี่เป็นเอามาก ตัวใครตัวมันสิวะ คนละคนจะสะเทือนถึงกันได้ไง แค่นี้นะงานยุ่ง” เอตอบกลับบีน้องชายฝาแฝดด้วยความหงุดหงิด เป็นแบบนี้ทุกครั้งไปที่ปีของพวกเขาวนเวียนมาเป็นปีชง การเกิดร่วมท้องเดียวกันทำให้บีเชื่อว่า หากจะแก้ปีชงนั้นจะต้องทำด้วยกันทั้งคู่จึงจะได้ผล หากบีแก้แล้วเขาไม่แก้ ผลคือการแก้ปีชงนั้นไม่สมบูรณ์ และยังจะเกิดเหตุไม่ดีขึ้นได้ เขาคร้านจะทะเลาะกับน้องชายเรื่องนี้ เพราะมันวนรอบทุก ๆ สามปี ที่ปีนักษัตรของพวกเขาจะเป็นชนวนของการทะเลาะกัน จากวาระของปีชงอีกครั้ง ดีนะที่มันยังไม่บ้าขนาดชงเฉี่ยวชงร่วมแล้วให้เขาไปแก้
2.
บีวางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม เขารู้ว่าพี่ชายไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่เขาสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาแก้ปีชงตามลำพัง เหตุการณ์ร้าย ๆ หรือเคราะห์หามยามซวยจะยังไม่พ้นตัวเขาไปได้ แล้วปีนี้ยามนี้เขาไม่อาจเอ่ยเล่าได้ว่ากำลังเผชิญกับความทุกข์อย่างแสนสาหัส ร้านขายอุปกรณ์มือถือของเขากำลังจะถูกให้เลิกเช่าที่ เพราะค้างค่าเช่ามาจนจะครบยอดเงินวางประกัน
บีมีร้านขายโทรศัพท์มือถือในห้างหรูหราประจำตัวจังหวัด รายได้ที่เคยมีอย่างต่อเนื่องพลันสะดุดลงเมื่อมีการปิดห้างเพื่อระงับและป้องกันเชื้อโรค เขาใช้เงินเก็บไปจนแทบจะหมดตัว ครั้นพอเปิดห้างได้ โทรศัพท์ก็กลายเป็นสิ่งเกินจำเป็น ผู้คนต่างระมัดระวังการใช้เงินมากขึ้นหรือจะเรียกว่าไม่กล้าใช้เงินก็ไม่ผิดนัก ของที่กองอยู่ในร้านคือต้นทุนที่ทับถมไม่ยอมแปรเปลี่ยนเป็นกระแสเงินสด ไหนจะค่าเช่าร้าน ค่าใช้จ่ายรายวัน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ใจนึกเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับพี่ชายฝาแฝด เอ...พี่ชายของเขาทำงานราชการ มีเงินรายได้สม่ำเสมอทุกเดือน แม้จะน้อย แต่ก็ใช้ชีวิตได้เรื่อย ๆ สบาย ๆ พอเลี้ยงชีวิตลูกเมีย ไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่อดอยาก ตอนช่วงที่เขาเฟื่องฟู เขาดูแคลนรายได้ของพี่ชายด้วยซ้ำไป ทำงานมาตั้งนานรายได้แค่สามหมื่น สามหมื่นสำหรับเขานั้นขายไอโฟนเครื่องเดียวก็ได้แล้ว
3.
เอ...เดินผิวปากออกจากที่ทำงานอย่างสบายใจ วันนี้มีประชุม นอกจากหัวหน้าจะเสนอเงินเดือนขึ้นให้เขาเต็มตามอัตราแล้ว ยังยุให้เขาสอบเลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการกองด้วย เขาไม่เคยคิดเรื่องการสอบเลื่อนขั้นเพราะคิดว่าถึงจะสอบผ่านข้อเขียนได้ ก็คงจะไม่ผ่านสัมภาษณ์อยู่ดี ก็เห็นกันมานักต่อนักแล้ว อย่างพี่โชตินั่นไงแกหัวดีสอบผ่านข้อเขียนทุกครั้ง วัยวุฒิคุณวุฒิก็พร้อม แกเรียนต่อจนได้วุฒิปริญญาโทเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่เคยผ่านสัมภาษณ์เลยสักครั้ง เด็ก ๆ กว่าแก ที่ก็รู้กันดีว่ามีเส้นสาย ต่างพากันแซงหน้าแกไป จนแกท้อเลิกสอบ ทำงานไปตามเรื่องตามราวมาหลายปีแล้ว เขาเลยไม่อยากเสียเวลา ไม่อยากเสียใจ ขอเพียงให้เงินเดือนขึ้นตามเป้าในแต่ละปีก็พอใจแล้ว ตำแหน่งจะอยู่กับที่เขาก็ไม่เดือดร้อน ชีวิตจะเอาอะไรมากมาย สู้อยู่อย่างเข้าใจมีความสุข ลูกเมียไม่เดือดร้อน กินอิ่ม นอนหลับ ก็ดีมากแล้ว
คืนนั้นเขานั่งจิบเบียร์ดูหนังในบ้านอย่างสบายอารมณ์ ลูกเมียขึ้นนอนแล้ว เหลือเขานั่งเพียงลำพัง ภาพในหนังเป็นเรื่องราวของคนหมดทางสู้และคิดสั้นฆ่าตัวตาย เขามองภาพนั้นแล้วคิดตามด้วยใจล่องลอย ไม่เข้าใจว่าการฆ่าตัวตายจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ตัวเองตายไปอาจรอดแต่คนที่อยู่ข้างหลังล่ะ ลูกเมียที่ขาดผู้นำไปจะเคว้งคว้างเพียงใด คงเหมือนเรือที่ขาดหางเสือที่ไม่อาจกำหนดทิศทางใดได้ อาจต้องปล่อยชีวิตล่องลอยไปตามกระแสลม โชคดีลมพัดพาไปสู่ที่ดี ๆ ก็ดีไป แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ?
4.
บีเก็บของออกจากชั้นวางของด้วยมือสั่นระริก ปีชงปีนี้เล่นงานเขาหนักหนาเหลือเกิน แม้จะรีบไปแก้ตั้งแต่วันแรก ๆ ของการกำหนดให้ทำพิธีแล้วก็ตาม เดินห่างออกมา สบตากับป้ายประกาศ “เซ้งต่อ” และ “ขายต่อราคาถูก” ที่วางอยู่บนตู้โชว์ที่เขาลงทุนต่อออกแบบการใช้งานเอง ให้เหมาะกับการหยิบจับอย่างคล่องมือ ไม่ใช่แค่ตู้ทั่วไปที่มีขายในท้องตลาด ตู้ของเขาทำแต่ละชั้นลดหลั่นกันลงมา ทำให้มือถือที่วางโชว์ในตู้นั้นอวดโฉมตัวมันได้โดดเด่นทุกเครื่องอย่างสวยงาม ไฟที่ติดไว้ในแต่ละชั้นจะเพิ่มความสวยงามให้ตู้ของเขาโดดเด่นน่ามอง น่าสนใจมาซื้อหา เพราะมันสะดุดตาให้เห็นกว่าร้านไหน และแน่ละเขาแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตู้ทั่วไปถึงสามเท่า ยามนี้แม้เพียงราคาเท่าตู้ทั่วไปเขายังไม่รู้เลยว่าจะขายต่อตู้ใบนี้ได้หรือเปล่า
เมื่อกลับมาถึงบ้านที่คาดว่าหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป บ้านหลังนี้เขาก็คงไม่มีให้ซุกหัวนอน ความคิดมืดมน พยายามดิ้นรนหาทางออก รถเบนซ์ที่ขายไปยังไม่พอต่อหนี้ที่ประดังกันเข้ามา ยามนี้เขาเหลือเพียงรถคันเล็กที่ซื้อให้เมียไว้ใช้ขับรถส่งลูก ๆ ไปโรงเรียนเท่านั้น จากชีวิตที่เคยหรูหราฟู่ฟ่า มีเงินเข้ามือวันละไม่ต่ำกว่าสี่ห้าหมื่น ตอนนี้แค่เงินหมื่นยังหายาก เขายังคงนั่งซึมอยู่บนโซฟาอย่างไร้จุดหมาย ความคิดล่องลอย เขาเข้าใจแล้วว่าคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเมื่อเผชิญปัญหาทางการเงินแล้วตัดสินใจฆ่าตัวตายนั้น บางคนทำไมถึงต้องฆ่าลูกเมียด้วย คงเพราะความห่วง เพราะเมียและลูกอาจเคยชินกับความสะดวกสบายที่คนเป็นสามีมอบให้โดยไม่เคยต้องลำบากอะไร
เขากระดกเบียร์ในมือเข้าปากไปเรื่อย ๆ แก้วแล้วแก้วเล่าจนฟุบหลับไป ไม่แน่ใจว่าเวลาในตอนนี้คือกี่โมงกี่ยาม แต่ที่แน่ ๆ เขาเริ่มสร่าง สมองประมวลผลถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ นานา ก่อนที่จะนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ มือควานหาโทรศัพท์ พบว่ามันตกอยู่ข้างโต๊ะรีบหยิบมันขึ้นมากดโทรหาคนสำคัญ
“เอ...ทำอะไรอยู่วะเสียงอึกทึกครึกโครม...”
“มีอะไรรึเปล่า กำลังยุ่งเลย”
“มีสิ มึงไปแก้ปีชงรึยัง” บีกล่าวด้วยเสียงที่ต้องตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ลอดเข้ามา
“อ๋อ...เรื่องนั้นน่ะเหรอ ไปแล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง แล้วเป็นไงชีวิตมึงดีขึ้นไหม เดี๋ยวมาโทษกูอีกว่าเป็นเพราะกูไม่ยอมไปแก้ปีชง กูไปให้แล้วนะเว้ย และกูจะบอกอะไรให้ พอกูแก้ปีชงมาปุ๊บ ผลที่กูไปสอบเลื่อนขั้นก็ออกพอดี กูได้เป็นผู้อำนวยการกองแล้วนะเว้ย นี่เขากำลังจัดงานฉลองให้กูอยู่ แค่นี้นะแล้วค่อยคุยกัน”
บีวางโทรศัพท์ลงอย่างเลื่อนลอย เขาไม่เข้าใจอีกต่อไปแล้วว่าการแก้ปีชงนั้นช่วยได้ไหม หรือการแก้ปีชงไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นเสมอไป หากแต่การใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด นั่นต่างหากที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น...