เกิดจลาจลที่ศูนย์พักพิงชาวพม่า/ชนกลุ่มน้อย แม่ทละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ผู้ก่อเหตุเผาทรัพย์สินฝ่ายไทย
เกิดจลาจลที่ศูนย์พักพิงชาวพม่า/ชนกลุ่มน้อย แม่ทละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ผู้ก่อเหตุเผาทรัพย์สินฝ่ายไทย
15 ธันวาคม 2564
เหตุจลาจลในศูนย์พักพิงแม่หละยังโต้แย้งกัน ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐอ้างผู้ลี้ภัยไม่ทำตามมาตรการป้องกันโควิด ขณะที่ชาวบ้านระบุ ไม่ได้รับความเป็นธรรมแถมมีการเก็บค่าหัวคิว
ทำให้มีทรัพย์สินได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งนั้น นายปรีดา ฟุ้งตระกูลชัย หัวหน้าพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ รายงานสถานการณ์ไปยังผู้บังคับบัญชาโดยระบุว่า เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที้ 14 ธันวาคม ตนได้เดินทางไปที่สำนักงาน IRC โซน C เพื่อทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธีATK ระหว่างทางได้ตรวจพบรถจักรยานยนต์ โดยคนขับไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย จึงได้ทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์และนำมาเก็บไว้ที่สำนักงานพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ตามมาตรการการป้องกันโควิด
ในรายงานที่นายปรีดาส่งให้ผู้บังคับบัญชาระบุด้วยว่าในเวลาต่อมา พบคนขับรถจักรยานยนต์ และมีคนซ้อนท้ายอีก 1 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ แบกของมา โดยทราบในภายหลังว่าเป็นตู้เย็น โดยทั้ง 2 คน ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย หัวหน้าพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ จึงโบกให้จอดรถ แต่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไม่ยอมจอด หัวหน้าพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ จึงได้เข้าไปทำการขัดขวางเพื่อให้รถหยุด โดยได้เอามือคว้าตู้เย็นไว้ ทำให้ตู้เย็นร่วงพื้นลงมา ฝาตู้เย็นจึงหัก โดยไม่ได้มีการแตะต้องตัวบุคคลทั้ง 2 คน และรถจักรยานยนต์ไม่ได้มีการล้มลงแต่อย่างใด จึงได้ทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาเก็บไว้
ในรายงานระบุด้วยว่า ในเวลาต่อมา เจ้าของรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ได้ เดินทางมาที่สำนักงานพื้นที่พักพิงฯ เพื่อขอรถจักรยานยนต์คืน แต่หัวหน้าพื้นที่พักพิงฯไม่ยอมคืนให้ และเกิดการโต้เถียงกัน มีกล่าวอ้างว่าตู้เย็นมือ 2 ที่ซื้อมาตกพื้นทำให้เสียหายใช้ไม่ได้ หัวหน้าพื้นที่พักพิงฯจึงขอซื้อตู้เย็นในราคา 1,700 บาท เจ้าของรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 ราย ยังยืนยันที่จะขอรถจักรยานยนต์คืน แต่หัวหน้าพื้นที่พักพิงฯ ยังยืนยันไม่คืนรถจักรยานยนต์ให้ จึงมีนำกลุ่มมวลชนประมาณ 30-40 คน มาประท้วงให้คืนรถจักรยานยนต์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่จะตามมา หัวหน้าพื้นที่พักพิงฯจึงได้คืนรถจักรยานยนต์ ทั้ง 2 คัน ให้กับเจ้าของไป
เวลาประมาณ 18.00 น. กลุ่มมวลชนประมาณ 100-150 คน ได้เดินทางมาที่ สำนักงานพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ อีกครั้ง มีการตะโกนส่งเสียงเอะอะโวยวาย เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ และอนุญาตให้ผู้หนีภัยการสู้รบ สามารถออกไปทำงานนอกพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ได้ ให้ยกเลิกการให้ผู้หนีภัยการสู้รบสวมใส่หน้ากากอนามัย หัวหน้าพื้นที่พักพิงฯได้เข้าเจรจาและยืนยันว่าไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องได้ และขอให้กลับไปบ้าน แต่กลุ่มมวลชนดังกล่าวไม่ยอมกลับ และมีมวลชนเข้ามาเพิ่มเติมมากขึ้น รวมแล้วประมาณ 500 – 600 คน โดยส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและเยาวชน โดยไม่ยอมรับฟังคำอธิบายใดๆ แม้หัวหน้าพื้นที่พักพิงฯ จะขอให้ส่งตัวแทนมาพูดคุยเจรจา แต่กลุ่มมวลชนดังกล่าวไม่ยอม และนำมวลชนโอบล้อม พยายามที่จะเข้ามาประชิดตัวหัวหน้าพื้นที่พักพิงฯและสมาชิกอส.อยู่ตลอดเวลา
“เวลา 19.00 น.กลุ่มมวลชน ได้ใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ปาเข้าใส่ สำนักงานพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ และรถยนต์จนพังเสียหาย หัวหน้าพื้นที่พักพิงฯ และสมาชิกอส. ได้เข้าห้ามปรามเพื่อให้ยุติการกระทำดังกล่าวแต่ไม่เป็นผล ยังมีการปาก้อนหินเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้หัวหน้าพื้นที่พักพิงฯ ถูกก้อนหินปาเข้าที่บริเวณศีรษะและขา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย สถานการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น กลุ่มมวลชนได้เข้ามาทำลายอาคารและข้าวของภายในสำนักงานพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ หัวหน้าพื้นที่พักพิงฯและสมาชิกอส. จึงได้ถอนกำลังออกมาด้านนอกพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ กลุ่มมวลชน ได้ติดตามออกมาเพื่อจะทำร้ายร่างกาย เมื่อไม่พบตัว จึงได้มีการบุกทำลายบ้านพักสมาชิกอส. รื้อข้าวของเครื่องใช้ออกมาทำลาย ทุบตีทำลายรถยนต์ และรถจักรยานยนต์จนพังเสียหาย และรวมตัวกันอยู่บริเวณทางหลวงหมายเลข 105 ด้านหน้าพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ มีการทุบตีทำลาย และปาก้อนหินใสรถยนต์ของผู้ที่สัญจรผ่านไปมา จนทำให้รถยนต์เสียหายหลายคัน จึงต้องมีการปิดเส้นทางการจราจรบริเวณดังกล่าว”
ต่อมากลุ่มมวลชน ได้มีการติดตามตัวคณะกรรมการพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ(camp committee) และกรรมการอิสลาม ที่มีส่วนร่วมกับพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ในการกำหนดและบังคับใช้มาตรการการป้องกันโควิดในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ เพื่อจะทำร้ายร่างกาย แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้พาบุคคลในครอบครัว หลบหนีออกจากบ้านได้ทัน กลุ่มมวลชน จึงได้เข้าไปทำลายบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. กลุ่มมวลชนได้มีการแยกย้าย และยุติการชุมนุม คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเข้าไปขนย้าย อวป.m 16 จากคลังอวป. ในสนง.พื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ จำนวน 50 กระบอก พร้อมกระสุน โดยอยู่ครบตามจำนวน มาเก็บรักษาไว้ที่ กองร้อย อส.อ.ท่าสองยาง ที่ 4
ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดนฟังด้วยว่า “การชุมนุมช่วงแรก ๆ เป็นไปโดยสงบนะ ฉันเห็นว่ามีการด่า ตะโกน เคาะฝาหม้อ เรียกร้องกันตามปกติ แต่จู่ ๆ มันก็ชุลมุน ไม่รู้หรอกว่าใครเริ่มก่อน แต่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เราได้ยินเสียงปืนของเจ้าหน้าที่ เขาอาจจะยิงขู่ แล้วมันก็มีการขว้างปาก้อนหิน มีการวิ่งหนี มีการเผาบนพื้นถนน คนไปที่นั่นด้วยความโกรธ พวกเขาไม่มีแกนนำ เรื่องความโกรธนี้ใคร ๆ ก็รู้มานานแล้ว ทั้งเรื่องการควบคุมธุรกิจ การที่ต้องจ่ายอะไรต่าง ๆ ทุกคนในค่ายใครจะไม่รู้ มีคนพยายามพูดกันแต่มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”
ชาวบ้านเล่าด้วยว่า “การล็อคดาวน์หมายถึงการต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าออก มีเจ้าของธุรกิจหนึ่งชื่อ…. ที่จ่าย….และควบคุมทุกอย่างเบ็ดเสร็จ ใครจะซื้อของสั่งของต้องผ่านเขาเท่านั้น เขาจะขึ้นราคาสินค้าของยังไงก็ได้ ถ้าคนจะเอาของเข้าค่ายคนอื่นนั้นทำไม่ได้ ต้องจ่ายนะ อย่างเช่นน้องผมถือหอมแดงเข้าถุงนึง ต้องจ่าย 200 บาท มันเกี่ยวกับการป้องกันโควิดตรงไหน”
เพื่อนไร้พรมแดนระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้มีการสอบสวนผู้ร่วมกระทำผิดในการทำลายทรัพย์สินของราชการ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้มีการสอบสวนจากหน่วยงานที่เป็นกลาง ถึงข้อร้องเรียนจากผู้ลี้ภัย ที่ทั้งได้มีความพยายามเขียนเป็นจดหมาย เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย และชุมนุมเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงแล้วด้วย ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร และจะมีการแก้ไขปัญหาอย่างไรหรือไม่
เคอร์ฟิวกลางคืนในค่ายผู้ลี้ภัยแม่ลา
15 ธันวาคม ปี 2564 KIC
คณะกรรมการบริหารค่ายฯ ได้เรียกประชุมฉุกเฉินในวันนี้ หลังจากเหตุจลาจลในค่ายผู้ลี้ภัยแม่ลาเมื่อคืนนี้ ที่ชายแดนไทย-พม่า เตือนชาวบ้านอย่าออกจากพื้นที่หลังเวลา 18.00 น.
เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ กองทัพไทยจะให้การรักษาความปลอดภัยเมื่อเข้าค่าย คณะกรรมการบริหารค่ายฯ ออกประกาศห้ามประชาชนออกจากบ้าน ตั้งแต่ 18.00 น. วันนี้
นอกจากนี้ ผู้ปกครองที่อาศัยอยู่ในแคมป์ยังได้รับการกระตุ้นให้ดูแลบุตรหลานของตนเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อสิทธิสาธารณะด้วยการสร้างความขัดแย้ง
การไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าวจะส่งผลให้มีการดำเนินการตามกฎหมายไทยอย่างมีประสิทธิผล
မယ်လဒုက္ခသည်စခန်းအတွင်း ဆန္ဒပြမှု။တန်းတူအခွင့်အရေးမရရှိခြင်းမှ ခံစားချက်ကြောင့် မယ်လဒုက္ခသည်စခန်းအတွင်း ဆန္ဒပြမှုနှင့် ရုန်းရင်းဆန်ခတ်ဖြစ်မှု ဖြစ်ပွားခဲ့ခြင်းဖြစ်သည်ဟု ပြောဆို
Posted by Karen Information Center -KIC on Wednesday, December 15, 2021
....
မယ်လဒုက္ခသည်စခန်းတွင် ညမထွက်ရအမိန့် ထုတ်ပြန် ဒီဇင်ဘာ ၁၅ ရက်၊ ၂၀၂၁ခုနှစ်။ ကေအိုင်စီ ထိုင်း-မြန်မာနယ်စပ်ရှိ မယ်လ...
Posted by Karen Information Center -KIC on Wednesday, December 15, 2021