คืบหน้ากับคดียึดวัดวังใหญ่ขายทอดตลาด
คดียึดวัดวังใหญ่ขายทอดตลาด
จากกรณีที่นายณัฎนนท์ ศรีก่อเกื้อ สส.พรรคภูมิใจไทยเขต 7 จ.สงขลา ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมาการศาสนาศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา ถึงการที่ศาลแพ่งพระนครใต้ ได้มีคำสั่งถึงสำนักงานบังคับคดี อ.นาทวี จ.สงขลา เพื่อให้ยึดที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งวัดวังใหญ่ ต.วังใหญ่ อ.นาทวี จ.สงขลา ขายทอดตลาด เพื่อนำเงินไปชดใช้ให้กับโจทย์ผู้ฟ้องคือ บริษัทธนบุรีลิสซิ่ง ซึ่งกลายเป็นข่าวที่สร้างความสนใจให้กับ ประชาชน โดยเฉพาะบรรดาพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง เพราะกรณีการยึดวัดเพื่อขายทอดตลาดยังไม่เคยปรากฏขึ้นในประเทศ
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับพระครู สุวัฒนาภรณ์ นพรัตน์ หรือ อาจารย์ภัทร รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา และ เจ้าอาวาสวัดนาทวี ซึ่งเจ้าคณะจังหวัดสงขลา ได้หมบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบกิจของสงฆ์ใน 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ นาทวี เทพา และ จะนะ โดยพระครูสุวัฒนาภรณ์ ได้เปิดเผยว่า วัดวังใหญ่มีการสร้างเมื่อ 10 เมษายน 2540 โดยผู้บริจาคที่ดินได้แก่ นายไสว ณ พัทลุง อดีตสรรพสามิต จ.พัทลุง และนางอำไพ อัมพุกานนท์ ซึ่งเป็นที่ดิน นส.3 จำนวน 10 ไร่เพื่อให้ตั้งวัด โดยที่ในขณะที่ก่อสร้าง ยังไม่ได้มีการโอนที่ดินดังกล่าวให้เป็นธรณีสงฆ์ตามกฎระเบียบของกรมการศาสนา หลังจากนั้นทางวัดและเจ้าคณะจังหวัดได้มีการติดต่อกับ เจ้าของที่ดินทั้ง 2 ท่าน เพื่อให้มาดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้ที่ดินทั้งหมด ที่ยกให้วัดเป็นธรณีสงฆ์ แต่ติดต่อไม่ได้ เรื่องจึงเงียบหายไป โดยที่ทางวัดไม่เคยทราบว่า ที่ดินของวัดมีข้อพิพาท และมีการฟ้องร้อง และวัดก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ไปต่อสู้คัดค้าน มารู้อีกครั้ง เมื่อมีคำสั่งศาลให้ยึดทรัพย์และขายทอดตลาด
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทราบเรื่อง คณะกรรมการวัดวัดใหญ่ โดยไวยาวัจกรณ์ ได้ดำเนินการรวมรวมเอกสาร หลักฐาน ที่แสดงให้เห็นว่า ที่ดินที่ถูกประกาศขายทอดตลาดโดยสำนักงานบังคับคดี ศาล จ.นาทวี เพื่อให้สำนักงานบังคับคดี เห็นถึงข้อเท็จจริง ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประสานงานกับโจทย์ผู้ฟ้องคือบริษัทธนบุรีลิสซิ่งให้ทราบข้อเท็จจริง โดยตัวแทนของบริษัทธนบุรีลิสซิ่ง จำเดินทางมาดูข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่ถูกศาลสั่งให้ขายทอดตลาด เป็นที่ตังวัดจริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริงบริษัทอาจะไม่ดำเนินการยึดเพื่อขายทอดตลาด ในขณะที่ชาวบ้าน ซึ่งเป็นพุทธบริษัทในพื้นที่ ต.วังใหญ่ ที่ตั้งวัด ก็ได้มีการประชุมกัน เพื่อขอทราบจำนวนหนี้สิ้นที่ถูกฟ้อง เพื่อที่จะรวมเงินจ่ายให้กับบริษัทธนบุรีลิสซิ่ง หากจำนวนไม่มากนัก และชาวบ้านพอมีกำลังในการช่วยไถ่ถอนวัดจากการถูกยึดในครั้งนี้
นายบรรจง เกตศรัทธา นักกฎหมาย ซึ่งเป็นทนายชื่อดังของ จ.สงขลา เปิดเผยว่า เนื่องจากนางอำไฟแนซ์ไพ และ หลาน ได้ไปซื้อรถเบ็นซ์ จากตัวแทนจำหน่ายแห่งหนึ่ง โดยมีบริษัทธนบุรีลิสซึ่ง เป็นไฟแนนซ์ ตั้งแต่ปี 40 และไม่มีการการผ่อน ดังนั้นจึงถูก เจ้าหนี้ฟ้องเรียกค่าเสียหาย เมื่อมีการสืบทรัพย์พบว่านางอำไพ มีที่ดินอยู่ที่ ต.วังใหญ่ อ.นาทวี จ.สงขลา จึงได้มีการร้องให้ศาลยึดเพื่อขายทอดตลาด ซึ่งศาลเอง และบริษัทเอง อาจจะมาทราบมาก่อนว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นที่ตั้งวัดวังใหญ่ เพราะถ้ามีการจดทะเบียนยกที่ดินให้กับวัดกับที่ดินอำเภอ หรือกรมศาสนาอย่างถูกต้อง ศาลจะไม่มีอำนาจในการยึดที่ดินวัดไปขายทอดตลาดได้ ประเด็นปัญหาทั้งหมดคือ วัดวังใหญ่ก่อตั้งขึ้น โดยที่เจ้าของที่ดินได้มีการอนุญาตให้สร้างวัดในที่ดันแปลงดังกล่าวได้ แต่เจ้าของที่ดินยังไม่ได้ โอนที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับวัดเพื่อจดทะเบียนเป็นวัด หรือเป็นธรณีสงฆ์ ซึ่งเป็นความบกพร่องของวัดเอง ซึ่งตามกฎหมายเมื่อวัดถูกยึด กรรมการวัด ต้องเร่งดำเนินการในการรวมรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อไปคัดค้านการขายทอดตลาดกับ สำนักงานบังคับคดีในพื้นที่
ขอบคุณ ภาพ ข่าวจาก คุณไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล