#เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร กลุ่ม “หมอไม่ทน” ชวนจับตาการกระจายวัคซีนไฟเซอร์อีก 7 วันนี้
หมอไม่ทนชวนประชาชนจับตา “Pfizer 1.5 ล้านโดสจากอเมริกา วันที่ 29 กรกฏาคมนี้”
สหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส มูลค่า 30 ล้านเหรียญให้กับไทย การบริจาคครั้งนี้ รวมถึงวัคซีนหลายล้านโดสที่สหรัฐฯ มอบให้กับประเทศเพื่อนบ้านของไทย จะช่วยให้ไทยและประเทศในภูมิภาคเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อให้พลเมืองของตนปลอดภัย ตลอดจนฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว pic.twitter.com/OtF217jrHw
— U.S. Embassy Bangkok (@USEmbassyBKK) July 20, 2021
กลุ่ม “หมอไม่ทน” ชวนสังคมไทยจับตาการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ หลังจากเริ่มมีข่าวว่ามีบรรดา “วีไอพี” และหน่วยงานบางหน่วยกำลังใช้เส้นสาย “ดึงโควต้า” ไปเป็นของตนเอง- หยุดการคอร์รัปชั่นวัคซีนและระบบอภิสิทธิ์ชนวัคซีน
มีคนเอามาเผย
เพื่อนเป็นพยาบาลวิชาชีพ ฉีดซิโนแวคไป 2 เข็ม ประกาศจะให้ฉีดไฟเซอร์เข็ม 3 กระตุ้นแต่พอวันจริง ฉีดแอสตร้าให้ ละในสมุดวัคซีนก็คือลงไฟเซอร์ เอ้าได้หรอออ
ตามแผนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสซึ่งจะเข้ามาวันที่ 29 กรกฏาคม 2564 ทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 วางไว้ โดยเตรียมให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเป็นบูสเตอร์โดส 1 เข็ม ผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค, ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง และผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดไฟเซอร์ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา
ขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์หลายแห่ง ถูกบังคับ หรือถูกโน้มน้าวว่าจะไม่มีวัคซีนดังกล่าวเข้ามา รวมถึงหลายที่ออกนโยบายให้บุคลากรต้องรับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เป็น AstraZeneca ทางหมอไม่ทน จึงขอตั้งข้อสังเกตต่อความรีบร้อนในการฉีด AstraZeneca ให้บุคลากรเป็นการเร่งด่วน ซึ่งอาจจะพอพูดได้ว่าเพื่อป้องกันการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งได้รับ Sinovac สองเข็มแล้ว แต่ยังมีการติดเชื้ออยู่ สร้างความกดดัน เพิ่มภาระการทำงานเมื่อผู้ร่วมงานติดเชื้อ และทำให้ไม่ไว้วางใจในการทำงานของรัฐบาล จากการตัดสินใจวางแผนวัคซีนที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก
หมอไม่ทนจึงขอเชิญชวนประชาชน เฝ้าจับตาการมาถึงของ Pfizer ในอีก 7 วันต่อจากนี้ เพื่อให้วัคซีนไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับตามความเสี่ยงและความจำเป็น ไม่ให้มีการบิดเบี้ยวของแผนไปให้หน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการคอรัปชั่นที่ยากจะรับได้ บุคลากรทางการแพทย์ควรได้ฉีดบูสเตอร์โดส ด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสามารถดูแลประชาชนได้เต็มที่ และกลุ่มเสี่ยงเช่นผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง ควรได้รับวัคซีน Pfizer เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อและอาการรุนแรงมากกว่าวัคซีนที่มีการศึกษาแล้วว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่า
หมอไม่ทนยังยืนยันการเรียกร้อง mRNA vaccine เป็นวัคซีนหลักให้คนไทยทุกคน ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน คือการลดโอกาสการมีชีวิตรอดของประชาชน
หมอไม่ทน
22 กรกฎาคม 2564
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและร่วมลงชื่อสนับสนุนการนำ mRNA มาเป็นวัคซีนหลักได้ที่