ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะปฏิเสธการรักษา ฉีดวัคซีน เลยจริงๆ
เห็นข่าวเด็กน้อย 2 เดือนเป็นโรคหัวใจชนิดเขียว (TOF) เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แล้วเสียใจมากจริงๆค่ะ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ลูกศิษย์โทรหายามดึกว่ามีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งขอ refer ผู้ป่วยเด็กอายุ 2 เดือน สงสัยโรคหัวใจ ตรวจพบติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยน่าจะติดจากบิดา แต่เด็กอาการวิกฤต เขียวต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ขณะนั้นเราไม่มีเตียงจะรองรับผู้ป่วยได้เลยค่ะ ตั้งใจว่าวันอาทิตย์จะส่งเด็กที่ติดทั้งโควิดและวัณโรคกลับบ้านแล้วจะรับเด็กน้อยคนนี้มาที่ศิริราช แต่แล้วใกล้ๆเที่ยงคืนเราก็มี
คนไข้ที่มาตรวจที่ศิริราชบวกเพิ่มอีก 5 ชีวิตที่แผนกกุมารต้องดูแลกับห้องเพียง 1 ห้องที่เราจะมีในวันรุ่งขึ้น (ไม่นับรวมอีกหลายสิบเคสใหม่ต่อวันหมออายุรกรรมต้องดูแลนะคะ) ทำให้ในที่สุดเราจำเป็นต้องปฏิเสธเด็กน้อยไป แต่ก็ทราบว่าเด็กน้อยได้ไปอยู่ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูง แต่พอเห็นข่าวเสียชีวิตก็อดสะเทือนใจไม่ได้จริงๆค่ะ
ในขณะนี้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตัวเดียวที่ได้ รับการรับรองให้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินในเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปคือวัคซีนของ Pfizer ค่ะ จากการศึกษาในระยะที่ 3 ในเด็ก 12-15 ปี มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้สูงถึง 100% เลยค่ะ และสิงคโปร์ก็แนะนำให้ใช้ในเด็กเด็กแล้วค่ะ และในขณะนี้กำลังทำการศึกษาวิจัยในเด็กเล็กลงไปถึงอายุ 6 เดือน และคาดว่าจะมีผลการศึกษาวิจัยเพื่อยื่นขอใช้ฉุกเฉินในเด็กอายุ 2-11 ปี ในอเมริกาในเดือนกันยายนปีนี้ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีวัคซีนของ Moderna และ Johnson and Johnson และ Novavx ที่กำลังทำการศึกษาวิจัยในเด็กๆค่ะ ส่วนของ Astra นั้นยับยั้งการศึกษาวิจัยในเด็กไว้ก่อน เนื่องจากความกังวลเรื่องการเกิดสิ่มเลือดภายหลังการฉีดวัคซีนที่พบในอัตราต่ำมากค่ะ
สำหรับ วัคซีนป้องกันโรค โควิด-19 สองชนิดที่มีในประเทศไทยขณะนี้ คือ Sinovac และ Astra ยังไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปีนะคะ ได้รับคำถามมาจากคุณพ่อคุณแม่หลายท่านเลยค่ะ ในระหว่างที่พวกเราทุกคนรอวัคซีนสำหรับเด็กเด็ก คุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ช่วยกันฉีดวัคซีนเมื่อโอกาสมาถึงนะคะ เห็นคุณแม่ชมพู่อารยาออกมาฉีดวัคซีนและรีวิวได้อย่างดีงามก็ดีใจและขอบคุณเธอจริงๆ
อ้างอิงจาก: Wanatpreeya Phongsamart