อดีตพุทธะอิสระ จวก พระมหาไพรวัลย์ ปมขนมอาลัวพระเครื่อง ลั่น เขาไหว้กันมานาน
เปรี้ยวจี๊ด ยักษ์ใหญ่ย่านพระราม7 ที่ดีกรีธรรมดาที่ไหน ยิ่งเห็นคำนี้ เมื่อวานนี้ทำเอาขนลุกซู่ "กล้าดียังไงมาตั้งคำถามกับอาตมา" พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ เปรียญธรรม 9 (ป.ธ.9) "เร็วๆนี้ว่าที่ด๊อกเตอร์" ชาวอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ก่อนมาจำพรรษาอยู่วัดสร้อยทอง กรุงเทพมหานคร ได้บวชและเรียนอยู่จังหวัดสุโขทัย ด้วยสมองเป็นเลิศ จึงเรียนจบเปรียญธรรม 9 ประโยคได้ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร และเมื่ออายุครบบวช ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาล 9 โปรดเกล้าฯรับอุปสมบทเป็นพระภิกษุนาคหลวงบวชที่วัดพระแก้ว (อันนี้บอกเลยไม่ธรรมดา)
กับอีกหนึ่งขุนพลฝั่งนครปฐมซัดกันคนทีสองที อันนี้ก็ฝุดๆเหมือนกัน ค้นในเว็บละกันนะจ้ะ
1 พ.ค. 64 จากอาลัวเป็นต้นเหตุของศึกครัังนี้ ตอนนี้ก็บานปลาย ยาวไปๆ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพุทธะอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก “หลวงปู่พุทธะอิสระ” กรณีพระมหาไพรวัลย์ สนับสนุนอาลัวพระเครื่อง ด้วยข้อความระบุว่า
บ้านนี้ เมืองนี้ เขาก็กราบ เขาก็ไหว้กันมาตั้งแต่สร้างบ้านแปลงเมือง
ก่อนที่ศาสนาพุทธจะเข้ามาเผยแผ่ในแผ่นดินนี้ ก็มีลัทธิบูชาภูติ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และก็ศาสนาพุทธมหายาน ลัทธิความเชื่อเหล่านี้ ได้แพร่หลายกระจายไปทั่วในลุ่มแม่น้ำอุษาคเนย์จวบจนยุคสมัยสุโขทัย พระร่วงเจ้าทรงส่งคณะทูตไปอัญเชิญพระไตรปิฎก และพระภิกษุชาวลังกา นำเอาพระพุทธศาสนานิกายหินยานหรือเถรวาทเข้ามาเผยแพร่พระพุทธธรรมคำสั่งสอน ของศาสนาพุทธนิกายหินยานหรือเถรวาท
เรียกอะไรก็เรียกได้แต่อย่าเรียกลุง ฟังแล้วปรี้ด!!!
มีหลักธรรมคำสอนให้ปฏิบัติตนเป็นสรณะที่พึ่ง มากกว่าที่จะไปพึ่งพาผู้อื่นสิ่งอื่น
ต่อมาก็มีสมณทูตอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากลังกาบ้าง อินเดียบ้าง ได้ถูกอัญเชิญเข้ามาประดิษฐานในแผ่นดินสยาม
ถึงแม้แผ่นดินสยามจะมีพุทธศาสนานิกายเถรวาทเข้ามาทีหลัง แต่ก็ได้รับการยอมรับจากชนชั้นผู้นำของแผ่นดิน จึงทำให้พุทธศาสนานิกายเถรวาทแพร่หลายไปทั่วภูมิภาคอุษาคเนย์
ช่วงยุคสมัยสร้างบ้าน รวบรวมแผ่นดิน บรรพบุรุษไทยก็ได้อาศัยสารพัดศาสตร์ สารพัดความเชื่อ เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ความสำเร็จและปลอดภัย รุ่งเรือง พ้นทุกข์
ซึ่งศาสตร์เหล่านั้นก็มีทั้งลัทธิบูชาภูติ พราหมณ์-ฮินดู พุทธศาสนามหายาน และสติปัญญาแบบหินยาน หรือเถรวาท
ด้วยความหลากหลาย ความเชื่อเหล่านี้นี่แหละ ได้หล่อหลอมรวบรวมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นปึกแผ่น
บรรพบุรุษของพวกเรา ไม่มีใครคิดที่จะเหยียดหยามลัทธิความเชื่อของผู้อื่นที่ไม่ถูกตรงต่อความรู้สึกของตน
หรือก็ไม่เหยียดหยาม ดูแคลนต่อความเชื่อ ของลัทธิศาสนาอื่นที่ไม่สอดคล้องต่อคำสั่งสอนของพระศาสดาที่ตนนับถือ
เพราะบรรพบุรุษไทยเขาเข้าใจดีว่า ความบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์นั้น ย่อมรับรู้ได้เฉพาะตน
อีกทั้งบรรพบุรุษไทย ยังเชื่อเรื่องบุญบาป และผลแห่งกรรมที่ตนได้สั่งสมมาทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ทั้งยังเชื่อเรื่องสติปัญญาของผู้คน แบ่งได้เป็นสี่ประเภท
ลัทธิความเชื่อในแผ่นดิน จึงมีแตกต่างกันแล้วแต่สติปัญญาบุญบารมีที่แต่ละคนสั่งสมกันมาแต่ปางก่อนและปัจจุบัน
เหล่านี้คือเหตุผลที่ทำให้บ้านเมืองนี้มั่นคงและอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมเกลียว สมัครสมานจนเป็นพลังสร้างชาติมาได้อยู่ถึงทุกวันนี้
เหล่านี้คือบริบทของสังคมไทย
ผู้ที่คิดจะมาเหยียบย่ำ ดูแคลน ทำลาย เพื่อการเปลี่ยนแปลง ก็หาใช่วิธีที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำไม่
เป็นแต่พระพุทธองค์ ทรงนำเสนอในสิ่งที่ดีกว่า วิธีคิดที่ดีกว่า หาใช่จ้องล้างผลาญ บูลลี่ เสียดสี เหมือนกับผู้ที่อ้างตนเองว่าเป็นผู้รู้ในปัจจุบันไม่
หากคิดว่าตนรู้สิ่งที่ดีกว่า สูงส่งกว่า ก็ลองทำคนทั้ง ๔ เหล่าที่มีสติปัญญาแตกต่างกัน ให้เสมอกันดูซิ จะทำได้ไหม แต่ต้องไม่ไปเหยียบย่ำ ดูแคลนความเชื่อของคนอื่น เหมือนดังที่กำลังทำอยู่นะ
เช่นนี้ทำเป็นไหม หรือเพราะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และต้องให้มันสมกับยี่ห้อ จึงออกมาฟาดงวงฟาดงา เอาภูมิตนเองข่มผู้อื่น อย่างชนิดตัวกูใหญ่ จนลืมไปว่า เมื่อตายไปก็เล็กกว่าโลงอยู่ดีแหละคุณ