เพราะเหตุใดพระสงฆ์ไทยจึงไม่แก้ไข หรือยกเลิกสิกขาบทเล็กน้อย ทั้งที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ทำได้ เมื่อสงฆ์เห็นสมควร ?
สิกขาบทหรือวินัยของพระภิกษุ 227 ข้อ มีทั้งข้อหนัก ข้อปานกลาง และข้อเบา ข้อหนักหากภิกษุละเมิดแล้ว ขาดจากความเป็นภิกษุทันที ต้องสึกสถานเดียว ข้อปานกลาง หากละเมิด ผู้ละเมิดต้องแจ้งแก่สงฆ์ 4 รูปเพื่อขอประพฤติวัตร มานัต 6 คืน แล้วให้สงฆ์ 20 รูปสวดอัพภานให้ จึงพ้นโทษ (พ้นอาบัติ) และข้อเบาเพียงแสดงหรือสารภาพแก่ภิกษุด้วยกันก็พ้นโทษ
พระพุทธองค์ทรงอนุญาตไว้ก่อนปรินิพพานว่า ในอนาคตหากสงฆ์เห็นสมควร จะยกเลิกสิกขาบทเล็กน้อยก็ได้ เหมือนพระองค์เปิดโอกาสให้แก้สิกขาบท หรือพระวินัยบางข้อ เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ในสมัยนั้นๆ แต่ในการประชุมทำสังคายนาครั้งที่ 1 พระอรหันต์ 500 องค์ (พระอรหันต์ใช้ลักษณนามว่า องค์) มีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ใช้เวลา 7 เดือน ที่ประชุมมีมติว่า ให้คงสิกขาบทไว้ทั้งหมด ไม่ให้แก้ไขหรือยกเลิก สายที่ปฏิบัติตามมติประชุมครั้งนั้นอย่างเคร่งครัด เรียกสายเถรวาท หรือ นิกายเถรวาท
พระสงฆ์ไทย เป็นสายเถรวาท จึงต้องปฏิบัติตามมติที่ประชุมสังคายนาครั้งที่ 1 อย่างเคร่งครัด ไม่มีอนุโลม ปฏิโลมใด ๆ เพราะฉะนั้น ผู้ที่ต้องการให้คณะสงฆ์ไทยแก้กฎนั้นแก้กฎนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยากบวชเป็นภิกษุณี กฎที่ว่าต้องบวชจากพระอุปัชฌาย์ฝ่ายภิกษุก่อนแล้ว จึงมาบวชจากพระอุปัชฌาย์ฝ่ายภิกษุณี จึงเป็นภิกษุณีได้ ปัจจุบันสายเถรวาทไม่มีพระอุปัชฌาย์ที่เป็นภิกษุณี คณะสงฆ์ไทยจึงไม่สนับสนุนให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณี
เพราะกฎห้ามไว้ ไม่ใช่เพราะพระผู้ชายใจแคบ ครับผม