การจัดการปัญหาในการทํางาน ทำงานอย่างไรให้มีความสุข
จัดการปัญหาไหนการทำงาน
ถ้าคุณอยากรู้สึกสบายใจเวลาทำงาน
มีวิธีอยู่ 2 วิธี ที่จะทำให้คุณพึงพอใจกับงานที่ทำอยู่โดยไม่รู้สึกเครียดและเบื่อกับงานที่ทำ นั่นคือ
ข้อแรก คุณต้องรักใคร่กลมเกลียวกับเพื่อนร่วมงานของคุณ
ข้อสอง คุณต้องหางานที่คุณรักแม่ชอบให้เจอ จากนั้นมุ่งมั่นตั้งใจทำงานที่คุณรักอย่างเต็มที่ออกเมื่อเป็นงานที่คุณรักแล้วไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนคุณก็จะยังคงมีความสุขและสนุกกับมัน จะ 2 ข้อนี้ ความมั่นคงและร่ำรวยในด้านอาชีพการงานก็จะมาหาคุณอย่างแน่นอน
การ 5 ปัญหาในการทำงาน
. ปัญหาที่ 1 ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานได้เพราะอายุที่มากขึ้น
ปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่ทำงานโดยใช้เวลามากกว่า 40 ชั่วโมงใน 1 สัปดาห์ ซึ่งเวลาที่ใช้ไปกับการทำงานเป็นจำนวนมากนั้นทำให้บุคคลเหล่านั้นดูเหมือนกับนักโทษที่ต้องติดอยู่ในคุกของการทำงานไม่มีเวลาใช้ชีวิตส่วนตัวของตัวเองแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังคงทำงานมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์แบบนั้นเรื่อยมาด้วยเหตุผลที่อ้างว่าฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงงานที่ทำอยู่ได้เพราะอายุมากเกินไปที่จะเปลี่ยนงาน
ถ้าหลายคนกำลังคิดแบบนั้นอยู่ ขอให้ฟังเรื่องเล่าต่อไปนี้
เฮนนี่ ฟอร์ด มหาเศรษฐีของอเมริกา ในช่วงเริ่มต้นของชีวิตการทำงานนั้นเขาเป็นพี่ยังแค่ช่างเครื่องธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นและเมื่อเขาอายุได้ 40 ปีทุกอย่างในชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เรย์ คร็อค อดีตพนักงานขายตำแหน่งเล็กๆเมื่ออายุได้ 50 ปีเขากลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกกับกิจการร้านแมคโดนัลด์
ผู้พันแซนเดอร์ เริ่มทำธุรกิจไก่ทอด KFC เมื่ออายุ 60 ปี
จากตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นคุณจะเห็นว่าถึงแม้คุณจะมีอายุมากแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหาในการที่คุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือเปลี่ยนแปลงงานที่คุณทำอยู่เลย
ถามว่า แล้วช่วงอายุเท่าไหร่มาถึงจะเหมาะกับการเริ่มต้นงานใหม่ได้ดีที่สุด
ตอบว่าถ้าคุณคิดจะประสบความสำเร็จเรื่องอายุนั้นไม่ใช่เครื่องมือที่สามารถนำมาใช้ตัดสินใจในการทำงานได้
. ปัญหาที่ 2 ไม่กล้าเสี่ยงกับการเปลี่ยนแปลงงานใหม่
คนส่วนใหญ่มีความต้องการอยากจะเปลี่ยนงานที่ทำอยู่ไปทำงานในที่ใหม่แต่กลับไม่กล้าที่จะลงมือทำเหตุที่ว่า ,ไม่กล้าที่จะเสี่ยง, เพราะงานที่ทำอยู่ก็ให้ค่าตอบแทนดีอยู่แล้วถึงแม้จะน่าเบื่อไปสักหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าเสี่ยงที่จะลาออกไปหางานใหม่ที่อาจจะให้ค่าตอบแทนไม่พอกับการดำรงชีพของตนหรือบางคนอาจจะรอให้บริษัทนั้นบริษัทนี้มีการปรับเงินเดือนให้สูงขึ้นก่อนถึงจะเปลี่ยนงาน
ถ้าหลายคนคิดอย่างที่เข้ามาข้างต้นคุณก็คงจะต้องทนอยู่กับอาชีพเดิมๆของคุณอย่างน่าเบื่อต่อไปก็แล้วกันเพราะถ้าคุณยังไม่กล้าที่จะเสี่ยงเพื่อชีวิตการทำงานที่ดีขึ้นและมีความสุขขึ้นคุณก็จงอยู่ที่เดิมต่อไป
ในการทำงานนั้นมีอยู่ 2 อย่างให้คุณเลือกคือคุณจะเลือกทำงานที่คุณชอบและมีความสุขหรือคุณจะเลือกทำงานที่ได้เงินเยอะแต่ไม่มีความสุขเลยหลายคนอาจจะเลือกเงินมาก่อนถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรจะมาบ่นทีหลังว่าคุณไม่มีความสุขกับการทำงานเพราะคุณเองที่เป็นคนเลือกเงินมาก่อนแต่ถ้าคุณคิดถึงชีวิตด้านการงานระยะยาวของคุณ คุณควรที่จะเลือกงานที่คุณรักมากกว่าที่จะเลือกงานเพราะเงินดี คนจำนวนมากเข้าใจผิดที่ไปตัดสินแค่ในเรื่องของเงินเดือนเริ่มต้นเพียงอย่างเดียวและปฏิเสธเงินที่จะเพิ่มตามมาในภายหลัง
สิ่งสำคัญก็คือ ขอให้คุณคิดถึงสิ่งที่สามารถจะเป็นไปได้คิดในระยะยาวคิดถึงความพึงพอใจอันเกิดจากการทำงานที่ทำอย่าไปหลงใหลกับผลตอบแทนเฉพาะหน้าซึ่งเป็นรางวัลตอบแทนระยะสั้นๆเท่านั้น
. ปัญหาที่ 3 ถูกคาดหวังจากคนรอบข้างว่าจะต้องทำงานนั้นทำงานนี่
ผู้หญิงส่วนใหญ่หรือผู้ชายส่วนใหญ่ที่มีครอบครัวแล้วอาจต้องการที่จะเติบโตในหน้าที่ตำแหน่งการงานของตัวเอง แต่บางครั้งก็ไม่สามารถทำได้เพราะถูกคัดค้านจากคนใกล้ตัวไม่ว่าจะเป็น สามี ภรรยา หรือ พ่อแม่ พี่น้อง
เมื่อใดที่คุณถูกสามี หรืภรรยา หรือพ่อแม่พี่น้องคัดค้านการเปลี่ยนงานหรือการประกอบอาชีพที่คุณรักและเราก็บุคคลอันเป็นที่รักของคนเหล่านั้นกำลังเห็นแก่ตัวอย่างหลายกะและแน่นอนผลจากการคัดค้านเหล่านั้นจะนำมาซึ่งการขัดแย้งภายในครอบครัวซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมาภายหลัง
ความจริงแล้วบุคคลในครอบครัวควรที่จะเปิดใจยอมรับแต่เข้าใจถึงความต้องการของทุกคนในครอบครัวควรที่จะให้ความสนใจกับความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายหนึ่งเมื่อทุกคนในครอบครัวยอมเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกันแล้วปัญหาความขัดแย้งทุกอย่างเรื่องหน้าที่การงานที่เป็นที่คาดหวังในครอบครัวที่มีต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็จะหมดไปไม่ก่อให้เกิดผลเสียในหน้าที่การงานของคนในครอบครัว
ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ทั้งสามีและภรรยาควรที่จะหันหน้าเข้าหากันปรึกษาถึงอาชีพการงานที่สามารถทำให้ครอบครัวมีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจไม่ใช่เอาความคิดเห็นส่วนตัวเป็นใหญ่ตัดสินชีวิตการทำงานของคนอื่นเขา เพราะฉะนั้นจะมีปัญญาควรที่จะอุปถัมภ์ค้ำจุนกันสามัคคีกันและปัญหาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็จะดีขึ้น
ปัจจุบันนี้มีครอบครัวจำนวนไม่มากนักที่มีความสุขกับผลกำไรที่ได้รับจากการอุปถัมภ์ค้ำจุนซึ่งกันและกันทางด้านเศรษฐกิจหรือความสุขที่มาจากการทำงานร่วมกันคู่สามีภรรยาส่วนใหญ่มักจะมีความสุขจากการที่ได้ทำธุรกิจร่วมกันมากกว่าต่างคนต่างทำ
อีกปัจจัยหนึ่งของครอบครัวคือพ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างมุ่งหวังที่จะให้ลูกของตัวเองดำเนินรอยตามอาชีพที่ตัวเองได้ เป็นธุรกิจในครอบครัวในการทำแบบนั้นพ่อแม่รู้สึกมีความสุขที่สามารถมีผู้สืบทอดกิจการของตัวเองแต่กับลูกเราลูกบางคนไม่มีใจรักในอาชีพที่พ่อแม่สร้างไว้ก็มีและนั่นก็จะเป็นการฝืนใจให้ลูกเกิดความทุกข์จากการถูกบังคับให้ทำงานที่ไม่ชอบในปัญหาย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอนอาจถึงขั้นกิจการงานที่พ่อแม่สร้างไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่าเลยก็ได้แต่ก็อาจจะมีลูกบางคนที่มีใจรักที่จะทำอาชีพที่พ่อแม่ทำมาก่อนและจะสืบทอดต่อให้ตามที่พ่อแม่ต้องการด้วยความเต็มใจถ้าเป็นแบบนั้นกิจการงานนั้นจะประสบความสำเร็จได้
เพราะฉะนั้นถ้าคุณซึ่งเป็นพ่อแม่อยากจะให้ลูกสืบทอดกิจการงานของตัวเอง คุณควรจะถามลูกให้แน่ใจก่อนว่าการที่พ่อแม่จะมอบให้ดำเนินการต่อไปนั้นลูกรักที่จะทำหรือไม่ถ้าลูกคุณไม่ชอบและไม่อยากที่จะทำคุณก็ไม่ควรจะไปบังคับให้เขาทำตามใจของคุณเพราะงานที่คุณคาดหวังไว้จะไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนคุณควรที่จะปล่อยให้เขาเลือกทางเดินชีวิตของเขาเองเพื่อที่เขาจะได้ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานที่เขารักและชอบแต่ในทางกลับกันถ้าลูกคุณรักในงานที่คุณสร้างมาและเต็มใจสืบทอดกิจการงานต่อจากคุณนั่นแหละงานที่คุณทำมาจะประสบความสำเร็จต่อไปในลูกของคุณเพราะเขามีใจรักที่จะทำงานนี้
.ปัญหาที่ 4 อันที่อยากจะทำมีคนทำมากมายอยากจะทำเช่นเดียวกันกลัวจะสู้เขาไม่ได้
ไม่ว่าอาชีพใดจะมีผู้คนมากมายแค่ไหนแต่ก็ใช่ว่าคนเหล่านั้นจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพกันทุกคนงานทุกงานล้วนแล้วแต่มีทั้งคนเก่งและคนไม่เก่งปะปนกันไปคุณไม่จำเป็นต้องกลัวเลยว่าคุณจะไม่สามารถสู้บุคคลเหล่านั้นที่ทำงานในอาชีพเดียวกับคุณได้เพราะคุณอาจไม่รู้ว่าบางคนที่คุณทำงานร่วมอาชีพเดียวกับเขาอยู่นั้นเขาอาจจะเก่งไม่เท่าคุณก็ได้
เป็นเรื่องจริงที่ว่าในด้านปริมาณนั้นสาขาอาชีพบางอาชีพจะกำลังมีคนมาทำด้านนี้จนล้นแต่ความจริงก็คืองานทุกงานนั้นอาจจะไม่ได้มีบุคคลที่มีคุณภาพเพียงพอเหมือนกับปริมาณคนที่ล้นทะลักงานนั้นเลยก็ได้เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะทำงานที่คุณรักและคุณมีความสามารถเป็นอย่างดีที่จะทำงานนั้นให้ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีคนอีกมากมายที่ชอบขัดขวางอนาคตของผู้อื่นเมื่อตัวเองไม่สามารถที่จะทำสิ่งที่ตัวเองรักได้เช่น การเข้าทำงานเมื่อตัวเองหมดกำลังใจที่จะสมัครงานที่ตัวเองต้องการเพราะเห็นว่ามีคนสมัครมากจนเกิดความท้อแท้คิดว่าคงจะไม่สามารถสู้คนจำนวนมากมายเหล่านั้นได้จึงค่อยบอกคนที่มาสมัครงานเดียวกับตัวเองว่าอย่าไปสมัครที่นั่นที่นี่เลยเพราะมีคนสมัครเยอะแยะไปหมดคิดว่าคงจะยากที่จะได้งานนี้เพราะอาจมีคนเก่งๆมากมายที่ได้รับคัดเลือกไปก่อนหน้าแล้วถ้าคุณเจอบุคคลประเภทนี้มาก่อนหูคนละก็อย่าหลงคารมเขาสละเพราะอย่างที่บอกไปค้นมากใช่ว่าจะมีคุณภาพและความสามารถกันทุกคนขอเพียงคุณมั่นใจในตัวคุณเท่านั้นก็พอแล้วไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรถ้าคุณมั่นใจในตัวเองซะอย่างคุณก็ไม่ต้องกลัวไม่ว่าจะมีคนมาสมัครงานที่คุณชอบมากขนาดไหนแต่ถ้าคุณมุ่งมั่นที่จะทำงานที่คุณรักให้ได้แล้วล่ะก็คุณอย่ากลัวที่จำนวนคนขอให้มองไปที่งานเลยว่าคุณสามารถที่จะทำมันได้และทำได้ดีไม่แพ้คนอื่น
ในการเลือกที่จะทำงานอย่างฉลาดนั้นคุณควรเลือกทำงานที่คุณ "มีความสามารถไม่มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า" ที่จะเข้าไปทำงานนั้นจริงๆ
. ปัญหาที่ 5 มองโลกในแง่ร้ายกับอาชีพการงานที่จะทำ
ปัจจุบันนี้มีงานมากมายที่เปิดรับสมัครพนักงานซึ่งงานส่วนใหญ่ล้วนเป็นงานเล็กๆไม่ใหญ่ตัวไรอย่างที่เราเห็นตามป้ายประกาศเล็กๆที่ติดไว้ตามสองข้างทางเดินหรือตามหน้าร้านต่างๆงานส่วนใหญ่ที่ประกาศรับสมัครอาจจะเป็นงานใช้แรงงานและงานประเภทอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันนี้ปริมาณความต้องการคนทำงานในตลาดแรงงานมีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ตลาดแรงงานจะมีความต้องการคนงานเพิ่มขึ้นมากขนาดไหนแต่คนอีกเป็นจำนวนมากทั่วโลกก็ยังต้องอยู่ในสภาพว่างงานอยู่ดี
สาเหตุที่มีคนมากมายว่างงานทั้งๆที่มีงานมากมายให้ทำนั่นเป็นเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่างานที่เปิดรับสมัครอยู่นั้นเป็นงานที่มองไม่เห็นอนาคตหรือความก้าวหน้าหรือไม่ก็เป็นงานที่ต่ำกว่าที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ดังนั้นบุคคลเหล่านี้จึงต้องว่างงานเพราะปล่อยโอกาสในการเริ่มต้น
คนส่วนใหญ่ที่ปล่อยโอกาสในการทำงานให้หลุดลอยไปนี้มากจะคิดว่างานบางอย่างที่ไม่อยากจะทำนั้นเป็นเพราะว่าเป็นงานที่อาจจะทำให้ตนเองไม่มีทางก้าวหน้าได้ซึ่งเขาเหล่านั้นลืมคิดไปว่าในสังคมอิสระเสรีนี้ไม่มีงานไหนหรอกที่จะไม่มีอนาคตจะมีก็แต่เพียงคนที่คิดและมองโลกในแง่ลบกับงานเหล่านั้นแหละที่จะมีอนาคตที่ไม่เจริญก้าวหน้าทั้งๆที่โอกาสก้าวหน้าก็อยู่ใกล้ๆแค่เอื้อมนี่เอง
ต่อไปนี้จะขอยกตัวอย่างสัก 1 ตัวอย่างมาให้คุณได้เห็นว่าไม่ว่างงานอะไรก็มีอนาคตและความก้าวหน้าได้ทั้งนั้น ชายคนหนึ่งเป็นพนักงานของบริษัทรับซื้อของเก่ามีแต่ขยะตามบ้านกว่า 10,000 หลัง เขาเริ่มต้นทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเมื่ออายุ 17 ปีและหลังจากนั้น 13 ปีเขากลายเป็นมหาเศรษฐีระดับหลายพันล้านขณะที่คนอื่นอาจเห็นว่างานที่เขาทำอยู่นั้นเป็นงานชั้นต่ำและสกปรกแต่เขากลับมองในทางกลับกันว่างานที่เขาทำอยู่นั้นเป็นงานบริการของเขาและช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตของเขาและการลงทุนก็ตามแต่ขณะเดียวกันเขาสามารถสร้างเงินได้อย่างมหาศาลจากงานที่คนอื่นคิดว่าเป็นงานที่ต่ำไม่มีค่าอะไรควรที่จะภูมิใจ
ขอให้คุณจำไว้ว่าไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็แล้วแต่ทุกงานล้วนเป็นงานที่มีโอกาสเจริญก้าวหน้าได้ทั้งสิ้นและให้โอกาสคุณที่จะทำมันให้เติบโตไปพร้อมกันคนส่วนใหญ่อยากจะทำงานในตำแหน่งสูงๆในบริษัทหรือองค์กรใหญ่ๆแต่คุณรู้หรือไม่ว่ากว่าเขาเหล่านั้นจะสามารถขึ้นมาทำงานในตำแหน่งที่สูงขนาดนั้นได้ก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นเพียงคนทำงานที่มาจากตำแหน่งระดับล่างและค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาจนถึงระดับสูงสุดด้วยกันทั้งนั้นเพราะฉะนั้นงานทุกงานไม่ใช่ว่าจะสามารถเข้ามาทำแล้วได้ตำแหน่งสูงเลยมันเป็นไปไม่ได้หรือถ้าเป็นไปได้นั้นก็คงจะน้อยมากกรณีงานคงจะเป็นธุรกิจส่วนตัวหรือได้รับมรดกหน้าที่การงานจากพ่อแม่เพราะฉะนั้นคนส่วนใหญ่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูงนั้นจึงมาจากระดับล่างก่อนและแน่นอนต้องใช้เวลาในการที่จะนำตัวเองมาไกลถึงขนาดนี้ด้วยความสามารถของเขาเหล่านั้นเองโดยไม่ต้องรอโชคชะตา
นอกจากนี้ธุรกิจใหญ่ๆบนโลกใบนี้และในสังคมทุกสังคมไม่ว่าจะเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์ธนาคารแห่งชาติแล้วแต่มาจากธุรกิจขนาดเล็กด้วยกันทั้งสิ้นและในบรรดางานที่คุณคิดว่ามันเป็นงานเล็กๆในน้อยไม่ควรจะมีอนาคตก้าวหน้าเท่าไหร่ เช่น งานบริการลูกค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นพนักงานต้อนรับพนักงานเสิร์ฟหรือเจ้าหน้าที่ในแผนกต่างๆของบริษัทล้วนแล้วแต่เป็นงานที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆด้วยกันทั้งสิ้นและถ้าหากคุณต้องการจะเป็นหัวหน้าบริหารงานแล้วล่ะก็คุณจำเป็นต้องผ่านประสบการณ์การเป็นลูกน้องมาก่อนคุณถึงจะสามารถที่จะเป็นหัวหน้าอ่านที่ดีได้เพราะคุณจะสามารถใช้ความรู้ระดับพื้นฐานที่คุณได้มาจากการเป็นลูกน้องมาพัฒนาความสามารถในการทำงานของคุณต่อไปได้ซึ่งสิ่งนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างแท้จริงในชีวิตการทำงานเพราะการสั่งสมประสบการณ์จากการทำงานจริงๆนั้นไม่เหมือนกับการอ่านวิธีการทำงานในตำราเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นงานประเภทไหนจะเล็กหรือใหญ่ก็สามารถที่จะทำให้คุณมีความก้าวหน้าได้ทั้งสิ้นขอเพียงแต่คุณมีความตั้งใจที่จะพัฒนาความสามารถของคุณที่ได้จากการทำงานระดับพื้นฐานให้ดีก่อนเท่านั้นคุณก็สามารถที่จะก้าวข้ามไปถึงการเป็นผู้นำได้อย่างไม่ยาก
การเป็น"ผู้นำ"ไม่ใช่การเดินนำคนอื่น
แต่การเป็น"ผู้นำที่ดี"ย่อมอยากให้คนอื่นเดินตาม