พระพุทธเจ้า ตรัสกำเนิดโลก และจักรวาล ไว้อย่างไร
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเล่าถึงกำเนิดโลก และจักรวาลไว้ในอัคคัญญสูตร (พระสูตรชั้นเลิศ) ว่า " สมัยหนึ่ง ครั้นเวลาล่วงเลยมาช้านาน เมื่อโลกนี้กำลังเสื่อมสลาย เหล่าสัตว์เป็นจำนวนมาก ไปเกิดในพรหมโลกชั้นอาภัสสระ นึกคิดอะไรก็สำเร็จดังปรารถนา มีปีติเป็นภักษา มีรัศมีซ่านออกจากร่างกาย เที่ยวสัญจรไปมาในอากาศ อยู่ในวิมานอันงดงามมานานแสนนาน ครั้นกาลเวลาล่วงเลยมาอีกช้านาน โลกนี้กลับเจริญขึ้นตามลำดับ ทั่วทั้งจักรวาล เป็นน้ำทั้งนั้น อากาศมืดมิด ไม่มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงดาว ไม่มีกลางคืน กลางวัน เดือน ฤดู ปี ยังไม่ปรากฏ เพศหญิงเพศชายยังไม่ปรากฏ
ครั้นเวลาผ่านมาช้านาน เกิดง้วนดินลอยอยู่บนน้ำทั่วไป ได้ปรากฏแก่สัตว์เหล่านั้นเหมือนนมสด ที่บุคคลเคี่ยวให้งวด แล้วตั้งไว้ให้เย็นจับเป็นผาอยู่ข้างบน มีรส มีสีคล้ายเนยใส หรือเนยข้นอย่างดี มีรสอร่อยเหมือนรวงผึ้งเล็ก ต่อมามีสัตว์ผู้หนึ่ง(อาภัสสรพรหม) เอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดู แล้วติดในรสชาติ สัตว์อื่นๆ ก็ทำตาม รัศมีกายของสัตว์เหล่านั้นค่อย ๆ หายไป ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ก็ปรากฏ ดวงดาวนักษัตรทั้งหลายปรากฏ กลางคืน กลางวัน เดือน ปีปรากฏ
ต่อมาง้วนดินอาหารของสัตว์เหล่านั้นหายไป เกิดมีกระบิดิน (คล้ายเห็ด) สัตว์เหล่านั้น ก็บริโภคกระบิดิน ต่อมาอีกช้านาน สัตว์เหล่านี้นมีร่างกายหยาบกระด้างขึ้นทุกที เมื่อกระบิดินหายไป เกิดมีเครือดิน ลักษณะคล้ายผลมะพร้าว และวิวัฒนาการมา เกิดผลไม้ขึ้นเป็นอาหารของมนุษย์ จนถึงมีธัญญาพืชคือข้าวสารีเป็นอาหารหลัก ต่อมาเพศหญิง เพศชายปรากฏ เมื่อเพศหญิงเพศชาย พบหน้ากันก็เกิดความพอใจ ความรู้สึกรักระหว่างเพศก็เกิดมากขึ้น และมีการสมสู่กันในที่สุด ต่อมามีการสร้างบ้านเรือนอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ สรุปแล้วปฐมมนุษย์มาจาก อาภัสสรพรหม ผู้หลงใหลในรสชาติง้วนดิน (ความละเอียดอ่านได้ที่อัคคัญญสูตร พิมพ์คำว่า อัคคัญญสูตร เท่านั้นก็ได้อ่านครับ)