วันหนึ่ง ถ้าพ่อตาย ไม่ต้องสวดอภิธรรมนะ
ณ วันหนึ่ง.. ที่โคกหนองนาของพ่อ
ณ วันหนึ่ง …ที่โคกหนองนาของพ่อ
พ่อบอกว่า.. ถ้าพ่อตาย ไม่ต้องสวดอภิธรรมนะ
เราถามว่า.. “ทำไมไม่สวดหล่ะ…?”
พ่อบอกว่า.. สวดอภิธรรมคือการสวดเพื่อให้คนเป็นได้รู้จักธรรมมะ ได้สำนึกการใช้ชีวิตว่าอย่าประมาท
แต่สมัยนี้ ต่อให้สวด 100 วันก็ไปนั่งคุยกัน ก้มหน้าดูแต่โทรศัwท์ สู้ให้พระท่านพักผ่อนดีกว่า หรือถ้าขัดไม่ได้จริงๆ คือสวดแค่ 1 คืน แล้วเผาเลย…
เราถามต่อว่าแล้ว อย่างนี้ลูกหลานจะมาทันเผาหรือ..?
พ่อบอกว่า.. การเผาศพนั้นเป็นหน้าที่ของสัปเหร่อ ส่วน ลูก หลาน ญาติพี่น้องคือผู้ร่วมพิธี.
และถ้าเขาคิดถึงเราให้มาหาตอนยังไม่ตาย ตอนที่พ่อมีชีวิตอยู่จะได้รู้สึกถึงความรักและกตัญญูของลูกหลาน ของญาติพี่น้องพอได้ชื่นใจบ้าง
แต่หากตาeแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ ลำบากกันเปล่าๆ มีอะไรที่จำเป็นต้องทำ ก็ทำต่อไป และการมางาน คนอยู่ก็ต้องลำบ ากเตรียมการดูแลต้อนรับอีก
เรายังสงสัย… แล้วคนที่เราเคยไปช่วยงานเขาแล้วเขาอยากกลับมาช่วยงานเราคืนบ้างหล่ะ หรือคนที่รู้จักที่นับถือกันอยากมาร่วมทำบุญกับพ่อหล่ะ?
พ่อบอกว่า.. เวลาที่เราทำบุญทำทาน ทำความดี อย่าหวังถึงสิ่งตอบแทน หรือคาดหวังว่าเขาต้องกลับมาตอบแทนเรา
การทำบุญทำทาน ให้ทำตามกำลังเรา ให้แล้วคือการได้ฝึกทำจิตใจให้ละซึ่งกิเลส ความอยากต่างๆ
สำหรับคนที่รู้จัก อยากทำบุญร่วมกับพ่อ ก็ให้เขาเอาส่วนนั้น ทำกับพ่อแม่หรือบุพการี ถ้าไม่มีก็ไปทำบุญที่วัด หรือกับผู้ย า กไ ร้ หรือที่ไหนก็ได้ ตามสะดวกของแต่ละคน แล้วจุดธูปอธิษฐานจิตบอกพ่อก็น่าจะได้…
และการอ่านประวัติ ก็ไม่จำเป็นต้องสรรหาคำมาบอกเล่าคุณความดีให้เสี ยเวลาเผา เดี๋ยวจะค่ำมืดกว่าจะได้เก็บกระดูกเพราะที่ผ่านมา และนับจากนี้
พ่อจะสร้างคุณค่า และความดีไว้กับแผ่นดิน ด้วยการปลูกต้นไม้ สร้างป่า และธรรมชาติ เป็นอนุสรณ์ให้บอกเล่าประวัติของพ่อเอง…
เราหมดคำถาม …?