รอยยิ้มกำลังกลับมาอีกครั้ง คดีน้องชมพู่ ใกล้ความจริงแล้ว
น้ำตาเริ่มไหลหลังจากเห็นรูปถ่ายทั้ง 4 รูปของครอบครัว "วงศ์ศรีชา" ทำให้นึกถึงควา มอบอุ่นความสุขภายในครอ บครัวนี้ที่อยู่กันพร้อมหน้า จนกระทั่งวันที่ 11 พ.ค.2563 ความสุขกลายเป็นความทุกข์เมื่อลูกสาวคนเล็ก "น้องชมพู่" หายออกจากบ้าน ถัดจากนั้นเพียง 3 วันครอบครัวนี้ใจแทบสลายพบน้องชมพู่ไร้ลมหายใจในสภาพเกือบเปลื อยบนยอดภูเหล็กไฟ
ใคร??ใจร้ายทำเด็กอายุ 3 ขวบได้ถึงขนาดนี้จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมา 8 เดือน 12 วัน พ่อแม่พี่สาวของน้องชมพู่ เจอมรสุมมากมายถาโถมเข้าใส่แทบอยากตายตามน้องชมพู่แต่ก็มีส่วนน้อยที่คอยให้กำลั งใจให้อดทนอดกลั้นต่อควา มปวดร้าวที่แสนสาหัสเหมือนถูกฆ่าทั้งเป็น
"ช่วงเวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน แต่ละชั่วโมง นับตั้งแต่น้องชมพู่หายตัวไป ความกระวนกระวายใจ ความทุกข์ใจ ความหวาดหวั่น วิตกเกรงภยันตรายที่จะเข้ามากล้ำกลาย ผู้เป็นที่รักของครอบครัว นับเกือบสิบปีที่เราสองผัวเมีย ตกลงปลงใจที่จะมีลูกน้อยคนที่สอง หลังจากพี่สาวโตแล้ว เมื่อคิดว่า พอมีความพร้อม น้องชมพู่ จึงได้ลืมตามาดูโลก ผ่านการบ่มเพาะด้วยความรักความถนุถนอม ของพ่อแม่ และพี่สาว เมื่อถึงคราวเกิดเหตุ น้องชมพู่ หายตัวไป สามวันสามคืน พ่อกับแม่ แทบกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เรียกร้องให้เพื่อนบ้าน หน่วยราชการ สื่อมวลชน ประชาชนทั่วไป ที่ทราบข่าวสาร ช่วยกันช่วยเหลือ ติดตามหาตัวน้องชมพู่ จากพื้นที่บ้านนอกต่างจังหวัด ซึ่งค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ความยากลำบากในการค้นหา การไม่มีเครื่องมือการสื่อสารที่จะติดต่อ พ่อกับแม่ รอคอยด้วยความหวังจนกระทั่งความหวังสุดท้าย มีคนบอกว่าพบรองเท้าน้องชมพู่ ความดีใจหัวใจแทบหลุดออกจากร่าง เพื่อจะได้รับขวัญลูกน้อย แต่ด้วยสภาพร่างกายทั้งพ่อและแม่ อดหลับอดนอน สามวันสามคืน ไม่มีความพร้อม ที่จะเดินขึ้นไปหาลูกน้อยได้ ยายก็สั่งห้าม ไม่ต้องขึ้นไป รอญาติๆและพี่ๆน้องๆ ที่จะขึ้นไปหาและหวังว่าจะได้พบตัวน้องชมพู่ นำกลับลงมาให้ชื่นชม สุดท้ายทราบข่าวว่า พบศพน้องชมพู่ หัวใจพ่อกับแม่ แทบสลายเป็นลม ล้มพับ แทบขาดใจ
ความเจ็บปวด จากการสูญเสีย ยังไม่พอ ซ้ำถูกกระแสข่าว ซ้ำซัด ถูกกล่าวหาว่า ทั้งพ่อแม่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูกน้อย ถูกตำรวจสอบสวนปากคำ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ถูกสังคมกลุ่มเกรียนคีย์บอร์ด ประณามว่ากล่าว ถูกใส่ความสารพัด จากการที่ พ่อก็พูดไม่เก่ง แม่พูดด้วยความเข้มแข็ง เพื่อทำใจ ให้ผ่านพ้นเหตุการณ์วิกฤติไปให้ได้ ก็ ถูกกล่าวหาว่า ไม่เสียใจ ไม่มีใครรู้หรอกว่า หัวใจ ความเจ็บปวด จากการสูญเสียนั้น มันเหลือสุดจะทน ร้องไห้แทบไม่มีน้ำตา แต่จะร้องให้เพื่อแสดงละคร ให้คนอื่นพบเห็นกันได้ตลอดคงไม่ใช่ ยังไงชีวิตต้องเดินต่อไป ยังมีลูกสาว อีกคนที่ต้องเลี้ยงดูแลคงได้แต่เฝ้ารอ วันเวลาที่ตำรวจ จะจับคนร้ายที่พรากลูกน้อย ไปจากอ้อมอก เฝ้ารอด้วยความหวัง ฝากความหวัง อยากให้คนร้ายถูกผลกรรมลงโทษ ตามกรรมที่ตัวเองก่อ ได้ปล่อยวางแล้ว ไม่อาฆาต พยาบาท ปล่อยให้กฎแห่งกรรม ลงโทษผู้กระทำ
เชื่อในกรรมดี กรรมชั่ว พ่อกับแม่ ก็ ทำบุญ ทำใจ หันมาประกอบอาชีพใช้ชีวิตต่อสู้กับโลกใบนี้ ต่อไป ด้วยความยึดมั่น เชื่อมั่น ในการทำความดี ใคร จะเข้าใจ ว่า เราเป็นเช่นไร ใจเรา ตัวเรา ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ว่าเราเป็นอย่างที่เขาว่า หรือไม่ เรารู้ตัวของเรา คนทำดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟ ไม่ไหม้ ความจริงนั้น มีเพียงหนึ่งเดียว สักวัน มันจะโผล่ความจริงให้ปรากฏ เชื่อในสิ่งที่มันเป็น กฎแห่งธรรมชาติ คิดดี ย่อมส่งผลดี ทำดีย่อมส่งผลดี เพื่ออุทิศผลบุญแด่ลูกน้อย ให้สถิตอยู่ในสรวงสวรรค์" คือความในใจของสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่.
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3644879218927604&id=1964681493614060