Covid -19 เปลี่ยนชีวิต
Corona เปลี่ยนชีวิต
เมื่อก่อนเราเป็นคนที่ไม่ได้ระแวดระวังเรื่องอาหารการกินเลย เรากินได้หมดไม่ว่าร้านข้างทาง หรือที่เขาเข็นรถขาย
แต่เพราะการระบาดของโรค Covid - 19 ทำให้เราใส่ใจในเรื่องความสะอาดมากขึ้น ยอมรับว่ามากจริงๆ ไม่ใช่เพราะกลัวตายนะคะ ถ้าเป็นแล้วตายเลยก็ไม่เป็นไรสิคะ แต่เจ้าโรคนี้สร้างความทรมานจริงๆ และขั้นตอนการรักษาก็สร้างความทรมานด้วยถ้าตกอยู่ในระยะวิกฤติ เพื่อนๆก็น่าจะได้เห็นจากข่าวของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ท่านต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ , ต้องนอนคว่ำ , ต้องกินยานอนหลับเพื่อลดการทรมาน , กินอาหารทางท่อ ฯลฯ
เรามีรูปมาให้ดูค่ะ เป็นรูปของต่างประเทศนะคะ ไม่ใช่ของท่านผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ตอนเราเห็นรูป ยิ่งทำให้เราไม่อยากเป็นโรคนี้เลย
ท่านอนคว่ำทำให้การหายใจสะดวกกว่านอนหงายค่ะ แต่ดูแล้วก็ไม่น่าเป็นท่าที่สบายเลยเนอะ
เราเคยเข้าโรงพยาบาลยาวๆมาแล้วเป็นเดือนๆ แต่ไม่ใช่เพราะ Covid - 19 นะคะ ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะยังกินอาหารปกติได้ , ถึงจะลุกเดินได้ , เข้าห้องน้ำเองได้ , อาบน้ำเองได้ แต่การที่ต้องใช้ชีวิตในโรงพยาบาลมันไม่ได้มีความสุขหรอกค่ะ ยังไงบ้านก็ย่อมดีกว่า ตอนนั้นเลยเข้าใจประโยคนี้ขึ้นใจเลย " บ้านคือวิมานของเรา "
สรุปคือเราใส่ใจเรื่องความสะอาด เพื่อที่จะได้ไม่เป็นโรค Covid - 19 แล้วต้องไปนอนในโรงพยาบาลนานๆอีก
ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง กลายเป็นคนที่สังเกตสังกา , ไม่ประมาท และมีสติขึ้น
เราจะยกตัวอย่างแค่ 2-3 เรื่องนะคะ
เมื่อก่อน เราซื้อผลไม้รถเข็นกินได้อย่างไม่คิดอะไรเลยค่ะ เพื่อนๆอาจคิดว่าแล้วทำไมต้องคิด ก็มีสิ่งที่เราคิดได้น่ะสิคะ
เราชอบกินมะม่วงแก้วขมิ้นจิ้มกับน้ำตาลพริกเกลือมากๆเลย คนขายก็จะปอกให้ใช้ไม๊คะ เด๊วนี้ยังดีนะคะ เราไม่เจอร้านที่ใช้มือเปล่า คนขายใส่ถุงมือนั่นแหละค่ะ แต่ตอนนี้เรามาสังเกตดู ถุงมือคู่นั้นทำหน้าที่ทุกอย่างเลยค่ะ คนขายใส่ถุงมือปอกมะม่วงให้ เวลารับเงิน , ทอนเงิน ก็ถุงมือคู่นี้แหละ ผลไม้ที่กินมันก็ไม่ได้สะอาดน่ะสิคะแบบนี้ เราก็เลยแก้ปัญหาโดยซื้อแบบไม่ต้องปอก แล้วเราเอามาปอกเองค่ะ
สรุปคือเรากินผลไม้ที่ไม่ผ่านมือใคร 😆
เมื่ออาทิตย์ก่อน แม่ของเราไปซื้อของที่ตลาดนัดแถวบ้าน ไปเจอร้านขายขนมไข่นกกระทา ก็เห็นว่าในกะทะใกล้จะสุกแล้ว แม่เราก็เลยบอกคนขายว่า " เอาในกะทะ 20 บาท "
คนขายก็ตอบกลับมาว่า " ในถาดนี้ก็ยังร้อนๆอยู่เลย เพิ่งทอดเสร็จไม่นาน " พร้อมกับพิสูจน์ให้แม่ของเราดู โดยการเอามือไปนาบกับขนมให้ดู
" เนี่ยไง ยังไม่เย็นหรอก "
ทีนี้แม่ของเราก็ยิ่งมั่นใจเลยว่าจะรอเอาขนมที่อยู่ในกะทะ ถ้าคนขายทำแบบนี้ แล้วลูกค้าคนอื่นก็พิสูจน?กันแบบนี้ เอาจริงๆเรากินไม่ลงค่ะ
มันไม่ใช่ส้ม , แอปเปิ้ลที่จะสัมผัสมือใครก็ได้นะคะ
เราเลยจะซื้อของที่เราเห็นๆ เลยว่าเพิ่งสุกใหม่
เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องของร้านส้มตำร้านหนึ่ง พอดีเราซื้อกาแฟเย็นอยู่ร้านข้างๆ
คนขายเป็นคนอัธยาศัยดีค่ะ ทำไปคุยไปตลอด จะไม่มีปัญหาเลยค่ะถ้าหน้ากากอนามัยไม่ได้ไปคาดอยู่แต่ที่คาง คนที่ซื้ออยู่ก็ถามคนขายว่า " ทำไมไม่ใส่หน้ากากให้ดีๆ ล่ะ "
คนขายก็ตอบมาว่า " ต้องชิม ใส่ไว้ก็ชิมไม่ได้ "
นั่นแหละค่ะ คำตอบของคนขาย 🤔
ร้านส้มตำก็จะคล้ายๆกับรถขายผลไม้ค่ะ ใส่ถุงมือ แต่ก็ทำทุกอย่างด้วยถึงมือคู่นั้น หยิบเส้นมะละกอ , หยิบถัวฝักยาว มะเขือเทศมาหั่น , บีบมะนาว และก็รับเงิน ทอนเงิน
เราก็เลยหยุดกินส้มตำมาตั้งแต่ที่ระบาดครั้งก่อน เราแค่ไม่กิน แต่ไม่เคยไปมีปัญหากับร้าน
แต่ก็คงมีร้านที่ทำอย่างถูกหลักอนามัยค่ะ คนทำ กับคนรับเงิน เป็นคนละคนกัน เราเชื่อว่าต้องมีร้านที่พวกเราวางใจได้ ซึ่งร้านอาหาร หรือคนขายที่ดีก็ไม่ต้องห่วงกังวล ลูกค้าเห็น ลูกค้าก็ยังอุดหนุนอยู่แล้ว
เพื่อนๆ ก็เอาเรื่องพวกนี้ไปสังเกตดูเองล่ะกัน ไม่ว่าจะไปซื้ออะไรก็ตามเถอะ ที่นอกเหนือจากที่เราเล่าไป
เราอยากใช้พื้นที่นี้ในการขอความร่วมมือทั้งคนซื้อ และ คนขาย เราจะไม่ไปต่อว่าร้านอาหารที่ไม่รักษาความสะอาดที่หน้าร้านของพวกเขาหรอกค่ะ เราก็แค่ไม่ซื้อ นั่นเป็นวิธีที่เราจะทำได้ เราไม่ชอบการทะเลาะ
ที่เราเขียนเรื่องนี้ ไม่ใช่จะดราม่า หรือทำลายใคร , ไม่ได้จะให้คนขายเจ๊ง แต่สิ่งที่เราต้องการคืออยากให้มีคนขายที่ใส่ใจความสะอาดเพิ่มขึ้น , ละเอียดรอบคอบ , ห่วงใยผู้บริโภคจริงๆ และก็อยากให้เพื่อนๆ ในฐานะคนซื้อเหมือนกับเรามีความปลอดภัย เราไม่อยากอยู่กับโรคนี้ต่อไปแล้ว เราเลยต้องการความร่วมมือของทุกคน แค่มีคนเป็นโรค 1 คน ก็หมายถึงพวกเรายังตกอยู่ในอันตรายนะคะ
ถ้าทุกคนมองอย่างเป็นกลาง ก็จะรู้ว่าการเขียนเรื่องนี้ของเราไม่ได้หวังทำร้ายใคร
เรามาหยุดการแพร่ระบาดของ Covid - 19 กันเถอะค่ะ อยากไปเที่ยวต่างประเทศจะแย่แล้ว
สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อนๆ ดูแลตัวเองดีๆ ถ้าคุณปลอดภัย ครอบครัวคุณก็ปลอดภัยค่ะ