“เซเว่นอีเลฟเว่น” รุกหนักเดลิเวอรี่ชิงดิสรัปตัวเองก่อนให้คนอื่นมาดิสรัป
นับตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิด19 ขึ้นมาเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เข้ามาป่วนทุกวงการอุตสาหกรรม หลายการเปลี่ยนแปลงถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมของลูกค้าที่นิยมช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น ทำให้อุตสหกรรม "เดลิเวอรี่" และ "โลจิสติกส์" เติบโตเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด
บริการขนส่ง "เดลิเวอรี่" กลายเป็นเทรนด์ฮิตประจำปี 2563 เพราะหลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพราะถ้าไม่ปรับเปลี่ยน ก็จะตามไม่ทันคู่แข่ง และอาจเสียฐานลูกค้าไป เรียกว่าเป็นยุคที่ต้องช่วงชิง "คนไหนไว! คนนั้นรอด!"
ขนาด “เซเว่นอีเลฟเว่น” ยักษ์ร้านสะดวกซื้อของบ้านเรา ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้สะเทือนได้ ยังเกิดปรากฏการณ์ "กำไรลด ยอดขายตก " เพราะปัจจัยรุมเร้าจากนักท่องเที่ยวที่หายไปเพราะโควิด นโยบายคนละครึ่งของรัฐบาลที่จูงใจให้คนหันไปซื้อสินค้าจากร้านรายย่อยมากกว่า อีกทั้งการปรับตัวของคู่แข่งที่หันมาสู้ศึกบริการ "เดลิเวอรี่" มากขึ้น ทำให้เซเว่นต้องปรับตัว เพราะหากยังทำเหมือนเดิมในทะเลสีเลือดนี้ ก็อาจถูกดิสรัปจากคู่แข่งได้ง่ายๆเช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้วในเดือน ธันวาคม ช่วงนั้นวิกฤติโควิด19 ยังไม่ลุกลามมายังประเทศไทย เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) เคยได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” และการสั่งซื้อ-ส่งด่วนสินค้าทุกรายการในร้านไว้เมื่อครั้งเปิดตัวหนังสือ “ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว” ว่า
“ธุรกิจใหม่ ต้องทำสิ่งใหม่ เช่น ธุรกิจขนส่ง สินค้าที่มีการสั่งซื้อจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น การเรียกเก็บเงินจะทำให้ได้ฐานข้อมูลลูกค้า ลิงก์กับฐานข้อมูลรถมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ที่ร่วมจัดส่งให้ลูกค้า นี่เป็นโอกาสของเซเว่นอีเลฟเว่นมหาศาล แต่ถ้าเซเว่นฯยังไม่ตื่นก็อาจจะล้มได้ เพราะบริการธุรกิจใหม่ๆจะรู้จักลูกค้ามากกว่า บนเว็บไซต์ออนไลน์มีสิ่งที่เซเว่นฯมี และมีสิ่งที่เซเว่นฯไม่มีด้วย
“ผมว่าทุกครั้งที่มีความเปลี่ยนแปลงจะนำมาซึ่งโอกาสมหาศาล หลังจากนี้โอกาสจะตามมา ต้องศึกษาให้ดีว่าจะคว้าโอกาสยังไง ในประวัติศาสตร์ทุกครั้งที่เปลี่ยนแปลง จะมีโอกาสใหม่ ๆ"
นี่คือคำสัมภาษณ์ที่บอกชัดว่าเจ้าสัวมองเห็น "โอกาส" และ "ความเสี่ยง" ของร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งหลังจากเวลานั้นเป็นต้นมา เราได้เริ่มเห็นการปรับตัวอย่างเต็มสูบ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งฟรี โดยการเปิดตัวบริการใหม่ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่าน Line Official ของ 7-Eleven และล่าสุดที่มีการแชร์ภาพรถมอเตอร์ไซต์หลายคัน ที่มีโลโก้ของเซเว่นอีเลฟเว่นอย่างจริงจัง
ผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าปลีกเคยออกมาวิเคราะห์ว่า การรุกตลาดดีลิเวอรี่ของร้านสะดวกซื้อเบอร์ 1 อย่าง “เซเว่นอีเลฟเว่น” ครั้งนี้ เป็นการเปิดเกมบุกชัดเจน คาดว่าปัจจัยหลักมาจากแพลตฟอร์มฟู้ดดีลิเวอรี่ เช่น ไลน์แมน แกร็บฟู้ด ฟู้ดแพนด้า เป็นต้นที่เติบโตรวดเร็ว และดึงตัวกลางออกจากธุรกิจ ทำให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคเจอกันง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ดังนั้น แม้เซเว่นอีเลฟเว่นจะมีสาขามากกว่า 1 หมื่นสาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ และปี 2564 จะขยายให้ครบ 13,000 สาขาแต่ก็ประมาทไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่เซเว่นฯกำลังทำ คือ การเดินเข้าหาลูกค้าถึงหน้าประตูบ้าน มากกว่าการรอให้ลูกค้ามาที่ร้าน ซึ่งถ้าเซเว่นฯสามารถเปิดบริการได้ทุกสาขาก็จะสร้างโอกาสใหญ่มหาศาลเช่นกัน
ซึ่งการที่เซเว่นตัดสินใจ ปรับเกมรุก "เดลิเวอรี่" อย่างเต็มตัวเช่นนี้ ไม่น่าจะใช่เรื่องน่ากลัวอะไรหากเทียบกับสภาวะตอนนี้ เพราะธุรกิจหลายเจ้ามีบริการเดลิเวอรี่เป็นของตัวเองมานานแล้ว เช่น พิซซ่าฮัท MK KFC ก็มีให้เห็นกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเซเว่นอีเลฟเว่นถือเป็นร้านสะดวกซื้อในรูปแบบลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ ที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นการที่บริษัทจะเพิ่ม บริการส่งถึงบ้าน ก็เป็นนโยบายปกติทางธุรกิจที่ทำขึ้นมาเพื่อรองรับลูกค้าและสามารถจัดส่งสินค้าได้ตามมาตรฐาน และการเพิ่มการขนส่งนี้สามารถเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าที่อาจจะต้องการซื้อของเพียงไม่กี่ชิ้น