(เรื่องสั้น)ในเมืองฮาเมลิน
ในเมืองฮาเมลิน ผู้คนต่างรับปี่อันเล็กเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต พ่อแม่ชาวฮาเมลินปล่อยให้ปี่ลำเล็กขับกล่มเสียงดนตรีที่ว่าด้วยสีฟ้าแห่งอิสรเสรีและความสุข
เหล่าพ่อแม่ต่างเห็นว่าเสียงปี่เหล่านั้นไร้พิษภัยไร้อันตราย อีกทั้งยังช่วยสะกดลูกหลานตนให้เลิกวุ่นวาย กระจองอแงได้ จึงปล่อยให้บทเพลงสีฟ้าเป็นเสมือนพี่เลี้ยงเรื่อยมา
.
ในเมืองฮาเมลินต่างพบปัญหาหนูที่คอยกัดกินรากฐานโครงสร้างบ้าน เสบียงอาหารอย่างตะกละตะกราม
หากแต่ตัวนายกเทศมนตรี ไปจนถึงชาวบ้านก็ไม่ได้ใส่ใจถึงการให้อาหารเลี้ยงดูแมว ทั้งยังไล่แมวออกไปจากบ้านด้วยซ้ำ เมื่อปัญหาหนูคุกคามหนัก
ชาวบ้านก็เริ่มออกมาเรียกร้องให้นายกเทศมนตรีทำอะไรสักอย่าง อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเลี้ยงแมว
ชาวบ้านบ่นว่า พวกเขาไม่มีอาหารเพียงพอที่จะเจียดแบ่งไปเลี้ยงแมวเพิ่มหรอก และปัญหาการกำจัดหนูนี้เป็นปัญหาที่นายกเทศมนตรีฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ต้องแก้ไข
.
ในเมืองฮาเมลิน นายกเทศมนตรีกำลังกลุ้มและได้ยินเสียงมาจากปี่เล็กในบ้านตนเอง เสียงนั้นบอกให้จ้างวานชายเป่าปี่ให้มากำจัดหนูในเมือง แต่นายกเทศมนตรีไม่สนใจ
ปัญหาในเมืองนี้ ชาวเมืองนี้จะต้องแก้ไจมันเอง ทว่าเสียงนั้นไม่ได้ดังขึ้นแต่ในบ้านของนายกเทศมนตรีเพียงหลังเดียว มันดังขึ้นในทุกย่านให้เด็กๆได้ยิน
"หนุ่มน้อยสาวน้อย คนเป่าปี่สีฟ้าน่ะ พวกเธอก็เป็นได้นะ"
เมื่อเด็กๆได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นดีใจกระโดดขึ้นมาเต้นและอาสาเป็นคนเป่าปี่เสียเอง เพื่อหวังจะกำจัดหนูแห่งเมืองให้สิ้นซาก
เด็กๆคอยเงี่ยหูฟังทุกขั้นตอนจากปี่ลำเล็กว่าจะทำอย่างไร? เสียงบอกต้นตอของหนูสกปรกว่ามาจาก โบสถ์ ที่ว่าการ และยุ้งฉาง
.
ในเมืองฮาเมลิน มีเด็กบางคนได้ยินเสียงปี่สีฟ้านั้นใกล้กว่าคนอื่นๆ
เด็กพวกนัันจึงกลายเป็นกระบอกเสียงจำลองเพื่อพูดแทนปี่ พวกเขาได้ลิ้มชิมรสหวานของเครื่องดื่มสีแดงจากแดนไกลในยามค่ำคืนพร้อมพรรคพวก
พวกเขาจึงมีแรงใจที่จะประกาศเสียงปี่สีฟ้ายิ่งกว่าใครๆ
.
ในเมืองฮาเมลิน เด็กๆต่างลุกขึ้นมาออกจากบ้าน รวมกลุ่มกันและหาทางทำลายโบสถ์ ที่ว่าการ รวมถึงยุ้งฉางด้วยเชื่อว่า หากสามสิ่งนี้ถูกทำลายแล้วหนูในเมืองจะหมดไป
พวกเขาไปรวมตัวกันอยู่ใจกลางเมือง ทำลายบ้านเรือนของชาวบ้านด้วยพลังเสียงแห่งเสรีภาพภาพ
ด้วยการหยามหมิ่นชาวบ้านที่สวดมนต์ในโบสถ์
ด้วยการถ่มน้ำลายใส่รูปเคารพ
พวกเขาเทสาดสีแห่งอิสรภาพให้เจิ่งนองเต็มหมู่บ้าน เลอะรูปเคารพ เต็มผืนหญ้า เต็มแผงลอยร้านขายของ
พวกเขาประกาศกร้าวถึง อุดมการณ์อันสูงส่งที่จะกระทำสิ่งต่างๆได้ตามใจปรารถนาโดยเชื่อว่าสิ่งนั้นที่พวกเขาทำนั้นเป็นเจตจำนงค์เสรี เป็นพลังบริสุทธิ์ ทั้งที่ยังเงี่ยหูฟังเสียงปี่อันเล็กที่ไม่รู้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากไหน
.
ในเมืองฮาเมลิน มีขื่อมีแปแต่ทว่าพวกเขาไม่สนใจ นายกเทศมนตรีเห็นว่า พวกเขาสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายมากเกินไปแล้ว
พวกเขาทำสีเลอะเทอะเปรอะเปื้อน จึงนำคนเฝ้าเมืองเข้ามาล้อมและสาดน้ำสีฟ้าคืนกลับไป เด็กเหล่านั้นไม่เข้าใจ
พวกเขากรีดร้องโวยวายว่า ทำไมถึงถูกทำแบบนั้น พวกเขาต้องการกำจัดหนูสกปรก แต่ตอนนี้พวกเขากลับต้องเลอะน้ำสีฟ้าเปรอะเปื้อนให้อับอาย
พวกเขารักสีฟ้าแต่ไม่อายทนได้กับสีฟ้าบนเนื้อตัวของตัวเอง พวกเขาโกรธและร้องไห้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกลับบ้านไปพร้อมกับหูที่ยังฟังเสียงปี่น้อยๆ
.
ในเมืองฮาเมลิน ผู้คนฟังเสียงปี่ตีกัน ผู้คนได้ยินเสียงหนูวิวาทกัน
ผู้ฟังเสียงปี่ทะเลาะกับผู้ไม่ฟัง ผู้คนที่ชอบเด็กฟังเสียงปี่ทะเลาะกับผู้ไม่ได้ชอบเด็กฟังเสียงปี่
แต่ทุกคนเหมือนจะลืมไปว่า...หนูสกปรกยังอยู่ตรงนั้น
พวกมันยังคงอยู่ตรงนั้น มันยังคงอยู่ที่เดิม ซ้ำร้ายมันกลับยิ่งอ้วนพี เติบใหญ่ขึ้น ขยายรังไปกว้างขึ้น และแน่นอน หนูพวกนั้นมันมีสีฟ้าอยู่ตามตัว
...