ไทยคงเหนื่อย ทั้งศึกนอกและศึกใน ต้องสามัคคีกันไว้ อย่าให้ใคร มาลากเราเข้าสู่สงครามความขัดแย้ง
ชาวเน็ตท่านหนึ่งโพสต์ไว้น่าสนใจว่า "น่าเป็นห่วงนะคะ ไทยคงเหนื่อย ทั้งศึกนอกและศึกใน ต้องสามัคคีกันไว้ อย่าให้ใคร มาลากเราเข้าสู่สงครามความขัดแย้ง ตอนนี้ได้ข่าวว่าสหรัฐมาสร้างกงศุลแห่งใหม่ ใหญ่โตพอดู ที่เชียงใหม่ ทำไม่ไม่มีใครต่อต้าน ระวังจะลากไทยเป็นสนามรบ น่าห่วงจริงๆ ค่ะ"
จากบทความ ของคุณ Pat Hemasuk โพสต์ไว้ว่า ...
วันนี้ผมอยากจะพูดถึงเรื่องที่ไม่น่าทำของทรัมป์อีกเรื่องหนึ่งคือคำสั่งปลดรัฐมนตรีกลาโหม นายมาร์ค เอสเปอร์ โดยคำสัง่ให้มีผลโดยทันที ที่ผมบอกว่าไม่น่าทำก็คือวาระของรัฐมนตรีเองก็เหลือเวลาสองเดือนก็จบลงไปพร้อมกับตัวทรัมป์เองอยู่แล้วแต่ก็ยังทำ และให้ นายคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ เข้ารักษาการแทน และอีกเรื่องที่ทรัมป์ไม่น่าทำก็คือการปลดรัฐมนตรีลงนั้นถ้ายังหาใครมาสวมไม่ได้ก็ควรให้รัฐมนตรีช่วยรักษาการแทน ซึ่งคนนั้นก็คือ นายเดวิด นอร์ควิสต์ ซึ่งจะต่องานได้ดีกว่าที่จะเอาใครข้ามห้วยมานั่งเก้าอี้นี้ในเวลาสั้น ๆ แบบนี้
เรื่องนี้ผมสรุปได้เลยว่าคงเป็นเพราะเรื่องการเลือกตั้งที่ทรัมป์ประสพความล้มเหลว แล้วคนรอบตัวไม่มีใครช่วยเขาได้เลย และความซวยเลยมาตกกับ นายมาร์ค เอสเปอร์ ที่น่าจะทำอะไรไม่สบอารมณ์ทรัมป์สักอย่างเลยโดนปลดฟ้าผ่าแบบนี้
ผมคิดว่า เอสเปอร์ คงไม่แคร์เรื่องนี้หรอกครับ นั่งเก้าอี้นี้อีกสองเดือนก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก โดยมารยาทแล้วจะไม่เซ็นต์อะไรที่ผูกพันในเรื่องใหญ่ คงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีใหม่เข้ามาจัดการอยู่แล้ว แต่การเสียชื่อเสียงจากการถูกปลดจากตำแหน่งนี่จะอยู่ไปตลอดประวัติการทำงานนั้นน่าหงุดหงิดมากกว่า
********************************************************
รัฐบาลใหม่ของไบเดนนั้นมีนักวิเคราะห์หลายคนมีความเห็นตรงกันว่ารัฐมนตรีกลาโหมคนต่อไปน่าจะเป็นผู้หญิง และเธอคนนี้สายเหยี่ยวยิ่งกว่า ฮิลารี คลินตัน ที่นั่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศให้โอบามาสมัยแรกเสียอีก เธอคือ มิเชล ฟลัวร์นอย (Michèle Angelique Flournoy) ผมเชื่อว่านโยบายที่มีกับจีนคงเปลี่ยนไปไม่มากนักระหว่างเดโมแครทและรีพับลิกัน จะว่าไปแล้วสายเหยี่ยวส่วนมากจะมาจากเดโมแครทเสียมากกว่า
มิเชล ฟลัวร์นอย นั้นจบรัฐศาสตร์จากฮาร์วาร์ดแล้วต่อที่ออกฟอร์ดในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หลังจากจบแล้วก็ทำงานวิชาการต่อที่ฮาร์วาร์ดอีกรอบ ทำงานวิชาการจนเข้าตารัฐบาลสมัยของ ปธน.คลินตัน เลยโดยดึงเข้ามาทำงานทำงานที่กระทรวงกลาโหมให้ดูเรื่องงานยุทธศาสตร์ ซึ่งเธอได้แสดงฝีมือเอาไว้หลายเรื่องในเรื่องตะวันออกกลาง โดยทุกความเห็นของเธอนั้นสนับสนุนการโจมตีก่อนเพื่อความได้เปรียบทั้งสิ้น โดยสมัยของ ปธน.โอบามาเธอได้เป็นผู้ช่วย รมต.กลาโหม เธอก็สนับสุนเรื่องนโยบายการใช้กำลังทหารทั้งทางตรงและทางอ้อมในอัฟกานิสถานและลิเบีย ส่วนการสนับสนุนกองกำลังของยูเครนก็เธออีกเช่นกันที่เสนอให้เพิ่มงบประมาณส่วนนี้ไว้ในงบของกลาโหม
ความจริงแล้วเธอโดนจีบให้มานั่งกลาโหมหลายรอบแล้ว ไม่ว่าใครขึ้นมาในสมัยที่แล้วก็ต้องมีเธอติดโผเข้ามาด้วยทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง รมต. หรือ รมช. และเมื่อกลางปีนี้เองย้อนหลังหกเดือนที่เธอได้ให้ความเห็นเรื่องสงครามในเอเซียกับจีนว่าสหรัฐต้องพัฒนาตัวเองให้มีแสนยานุภาพมากพอที่จะถล่มกองทัพเรือจีนทุกลำในทะเลจีนใต้ภายในเวลาสามวัน โหดไม่ใช่เล่นกับผู้หญิงคนนี้
ผมมองว่าในสมัยหน้า ความร้อนแรงของทะเลจีนใต้จะมากกว่าสมัยทรัมป์หลายเท่าตัว คงไม่ใช่เพียงแต่ด่ากันไปด่ากันมาเหมือนสมัยทรัมป์อีกแล้ว เรื่องนี้มีคนของเดโมแครทด่าทรัมป์อยู่มากในการที่ไม่สนใจเรื่องที่จีนเข้ามายึดครองทะเลจีนใต้จนถมเกาะสร้างฐานทัพเสียใหญ่โตแบบทุกวันนี้
สำหรับประเทศไทยคงต้องปรับสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอยู่ไม่น้อย และแน่นอนว่าผลกระทบของความตึงเครียดในทะเลจีนใต้คงต้องลากขาของเราเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ด้วย ถ้าจะมองไปแล้วการที่มีการสร้างฐานทัพเรือจีนในเขมรก็เป็นหมากล้อมอีกเม็ดที่บล็อกไทยเอาไว้ในการที่สหรัฐจะใช้ไทยเป็นฐานทางการทหารเหมือนสมัยก่อน เวียดนามนั้นคงไม่เล่นด้วยกับเกมของสหรัฐอยู่แล้ว ไม่ต่างกับที่เวลานี้ทั้ง ฟิลิปินส์และอินโด ก็ไม่เล่นด้วยเหมือนกัน นับว่าเป็นเวลาสี่ปีข้างหน้าที่สาหัสพอสมควรกับกลุ่มอาเซียนที่ต้องสมดุลไว้ทั้งจีนและสหรัฐที่มีแนวโน้มสูงมากที่จะเล่นกับจีนแบบเจ็บจริงตายจริงกับนโยบายสายเหยี่ยวของ มิเชล ฟลัวร์นอย