ขั้นตอนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ขั้นตอนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ขั้นตอนที่ 1ทุก ๆ 4 ปีชาวอเมริกันจะเดินทางไปลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกตั้งประธานาธิบดี ก่อนจะเกิดการเลือกตั้ง ประชาชนที่เป็นสมาชิกของพรรคจะทำการเลือกผู้สมัครเผื่อเข้าชิงตำแหน่งเป็นตัวแทนเพื่อลงคะแนนในแต่ละรัฐ หรือ เดเลเกต (delegate) นิยมทำด้วยการเลือกตั้งขั้นต้น หรือการหยั่งเสียง มี 2 แบบ คือ แบบไฟมารี่หรือ คอคัส เพื่อเสนอชื่อตัวแทนรัฐ เพื่อไปร่วมประชุมใหญ่ระดับของพรรค ที่เรียกว่า National Convention เพื่อโหวตเลือก ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรค หรือ แคนดิเดต (candidate) เพียงหนึ่งเดียวไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ขั้นตอนที่ 2 การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่จะเริ่มต้นจากการขับเคี่ยวกันเองในระดับพรรค และมาถึงการขับเคี่ยวกับพรรคตรงข้าม นั้นก็คือ การรณรงค์หาเสียงของแต่ละพรรค ในขั้นนี้ตัวแทนของพรรคจะเสมอภาคกันในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี นโยบายจะถูกนำเอามากลั่นกรองอีก และจะมีการดีเบตหรือการโต้วาทีกันระหว่างตัวแทนของแต่ละพรรค เพื่อประชาชนได้ฟังผู้สมัครแต่ละคน นำเสนอนโยบาย แสดงความสามารถ ไหวพริบ ตอบข้อซักถาม พร้อมๆ กันบนเวทีเดียวกัน ซึ่งบ่อยครั้งที่การดีเบตส่งผลต่อความนิยมของตัวแทนแต่ละพรรค
ขั้นตอนที่ 3 วันเลือกตั้ง วันเลือกตั้งทั่วไปจะตรงกับวันอังคารหลังวันจันทร์แรกของเดือน พฤศจิกายน การเลือกตั้งจะมี 2 แบบ เรียกว่า popular vote กับ electoral vote เพราะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานั้นมิใช่การเลือกตั้งโดยตรง แต่ประชาชนจะไปเลือกผู้แทน ที่เรียกว่า (popular vote) เพื่อจะไปเลือกตั้งประธานาธิบดี หรือ (electoral vote) อีกทีหนึ่ง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จึงเป็นการเลือกตั้งโดยอ้อม คนที่ได้เป็นประธานาธิบดีจะต้องชนะในส่วนของคะแนน electoral vote
กติกาข้อสำคัญในการใช้คะแนนคณะเลือกตั้งก็คือ คือ กติกาที่ว่า ผู้ชนะได้ไปทั้งหมด (winner-take-all) ซึ่งหมายความว่า ผู้สมัครที่ได้รับคะแนนเสียงส่วนมากจากประชาชนในมลรัฐใด ก็จะได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด ยกเว้นเพียง 2 รัฐเท่านั้น คือ เมน และ เนบราสกา ที่จัดสรรคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งตามคะแนนเสียงที่ได้รับจากพลเมือง หรือ Popular Vote
ซึ่งผู้ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีต้องได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Voter) ของรัฐต่างๆ รวมกันอย่างน้อย 270 เสียงจากจำนวนทั้งสิ้น 538 เสียง (คือ เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเสียงทั้งหมด) จึงจะชนะการเลือกตั้งและได้ตำแหน่งประธานาธิบดีไปครอง