เมื่อกระแสเสรีภาพ เสมอภาคและประชาธิปไตยถูกนักกวนเมืองปลุกให้กลืนกินสิ่งดีงามอื่น ๆ
เมื่อกระแสเสรีภาพ เสมอภาคและประชาธิปไตย ถูกนักกวนเมืองปลุกให้กลืนกินสิ่งดีงามอื่น ๆ
1 พ.ย. 2563
นักกวนเมืองและอดีตนักการเมืองได้ชูกระแสเสรีภาพ เสมอภาคและประชาธิปไตย เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนออกมาชุมนุมประท้วง เด็กและเยาวชนถูกชักจูงให้เห็นว่าเสรีภาพ เสมอภาคและประชาธิปไตย ยิ่งใหญ่กว่ามิตรภาพ มารยาท กฎ ระเบียบสังคม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความอะลุ้มอล่วย ความเอื้อเฟื้ิอ ศีลธรรมและกฎหมาย
คนเหล่านี้กำลังจะนำวัฒนธรรม/ความคิดตะวันตก ในสมัยที่อยู่ระหว่างการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของฝ่ายต่าง ๆ เข้ามาครอบงำความคิดและประเพณีปฏิบัติที่สืบต่อมายาวนานจากบรรพชนของไทย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าระบอบการปกครองแบบใดก็ตามในยุคปัจจุบัน...
เสรีภาพไม่ใช่หมายความว่าทุกคนจะสามารถทำอะไรก็ได้ตามความปราถนา เสรีภาพต้องอยู่ภายใต้วงจำกัด คือ ต้องไม่ละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่อยู่ในสังคมด้วย เราไม่มีสิทธิที่จะกล่าวร้าย ดูถูก เหยียดหยาม ด่าว่า ใส่ความ แสดงการล้อเลียน ถากถาง เปรียบเทียบ ใช้คำหยาบคายกับผู้อื่น ซึ่งถือเป็นความรุนแรงชนิดหนึ่งเช่นกัน แม้ไม่ใช่ความรุนแรงจากการใช้กำลังหรืออาวุธก็ตาม เสรีภาพก็ต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย กฏและระเบียบสังคมด้วย หากนึกภาพว่าในภาวะที่มีการระบาดของไวรัส แต่ทุกคนเรียกหาเสรีภาพที่จะเดินทางหรือไม่ปกป้อง/ป้องกันตนเองหรือผู้อื่น ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยตามคำสั่งของรัฐบาล ดังเช่นประเทศตะวันตก การควบคุมการระบาดก็ย่อมเป็นเรื่องยาก
ส่วนความเสมอภาคก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเท่าเทียมกันเสมอในทุก ๆ อย่าง หากคนเท่าเทียมกันจริงเราคงมีแต่ผู้บังคับบัญชา คงไม่มีใครเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เราคงมีแต่ผู้จัดการ/ผู้บัญชาการและไม่มีใครเป็นเลขานุการ เป็นพนักงาน เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาหรือเป็นคนงาน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสิ่งมีชีวิตอยู่ในสังคมไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์สังคม เช่น มด ปลวก ผึ้ง ฯลฯ ย่อมมีภาระ/ความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน มีการแบ่งแยกระดับในการทำงานและบังคับบัญชา เพื่อประสานงานซึ่งกันและกัน ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมส่วนรวม
ส่วนประชาธิปไตยที่หมายถึงการถือมติประชาชนเป็นใหญ่ การถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่นั้น ก็ไม่ได้หมายถึงว่าอนุญาตให้คนจำนวนมากละเมิดกฏหมาย หรือปฏิบัติกับคนจำนวนน้อยกว่าอย่างไรก็ได้ และประการสำคัญ คือ คนจำนวนมากไม่มีสิทธิทำลาย ทำร้ายไม่ว่าด้วยกายหรือวาจากับคนจำนวนน้อยกว่า เพราะสังคมมีระบบ กฏ ระเบียบ วิธีการในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว ไม่ใช่ย้อนอดีตกลับไปยังสมัยยังเป็นอนารยชน
***อนึ่งหากเรายึดหลักความเท่าเทียม/เสมอภาคและเสรีภาพกันจริงแล้วเราย่อมไม่มีสิทธิ/ไม่สามารถกล่าวหาผู้อื่นว่าโง่กว่าหรือไม่ฉลาดเท่าเรา และผู้อื่นก็ย่อมมีสิทธิ/เสรีภาพที่จะคิดหรือทำตามความคิดและความรู้สึกของเขาได้เช่นกัน เราจะบังคับหรือฝืนความรู้สึกของผู้อื่นให้คิดเหมือนเราไม่ได้ นอกจากเรากำลังโกหกตัวเองว่ายึดหลักการเหล่านั้น แต่แท้จริงแล้วมิได้ปฏิบัติเช่นนั้นเลย มันจะเป็นเพียงคำกล่าวอ้างให้ดูว่าตนเองดีกว่าผู้อื่นเท่านั้น
View this post on Instagram
ความหลากหลายทำให้สังคมมีสีสันหรือเราต้องการให้สังคมมีวัตถุที่ขนาด รูปทรงและสีเหมือนกันทุกประการ?
อ้างอิงจาก: https://youtu.be/wEBlaMOmKV4
https://www.instagram.com/p/CG47a3ugaph/?utm_source=ig_web_copy_link