พาไปดูบรรยากาศคิงเพาเวอร์รางน้ำ หลังจากคลายล็อคดาวน์ กับมาตรการรักษาความสะอาดปลอดภัยขั้นเทพ
จากการที่ต้องเลื่อนตั๋วไปเที่ยว ตปท.แล้ว 2 ครั้ง ประกอบกับการอยู่บ้านมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน เลยชีวิตถวิลหาบรรยากาศการท่องเที่ยวเพื่อเยียวยาจิตใจ ประกอบกับคนที่ไปด้วยมีความต้องการอยากได้น้ำหอมใหม่ เราเลยปักหมุนไปคิงเพาเวอร์รางน้ำกัน
ไม่รอช้า 11 โมงเจอกันที่หน้าคิงเพาเวอร์รางน้ำนะ
ขอเล่าให้ฟังในจุดของทางเข้าก่อน เราก็เดินเข้ามาปกติ แล้วก็มีพนักงานยืนสวัสดีต้อนรับด้านหน้าพร้อมกับบอกเราว่า
– พรมที่คุณลูกค้าเหยียบอยู่นี่คือพรมสำหรับฆ่าเชื้อโรคค่ะ!
– จากนั้นก็มีพนักงานพุ่งเข้ามาหาพาไปเช็คอิน “ไทยชนะ”
– แล้วพนักงานก็พาเดินไปวัดไข้ที่เป็นแบบเทอโมสแกน ขานอุณหภูมิแบบเสียงดังฟังชัด
– เดินต่อไปอีก 3 ก้าวให้ล้างมือฆ่าเชื้อด้วยเจลแอลกอฮอล์ ทำการติดสติ๊กเกอร์
– จากนั้นก็ให้สแกนลงทะเบียนชอปปิ้งการ์ดเพื่อซื้อสินค้า
กระบวนการเข้าดิวตี้ฟรี 4-5 ขั้นตอนนี้ฟังแล้วอาจจะดูธรรมดา แต่ในความรู้สึกของเราตอนนั้นคือมันดีงามมาก เพราะทุกขั้นตอนคุณจะได้รับการดูแลจากพนักงานอย่างใกล้ชิด พนักงานก็ดูสะอาดมาก ใส่หน้ากากทุกคน พูดจาดี และทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ คือมันดูรู้เลยว่าเขาเตรียมการมาดี คิดมาแล้ว ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสะดวกที่สุด
หลังจากที่ผ่านกระบวนการเข้าดิวตี้ฟรีมาแล้ว ชาวคณะเราก็เดินไปตามทางเรื่อย ๆ สิ่งที่เริ่มสังเกตเห็นก็คือ ขวดแอลกอฮอล์ที่มีตั้งไว้อยู่ทุก ๆ 5 ก้าว ล้มตรงไหนหัวฟาดแอลแอฮอล์ตรงนั้นเลย แล้วเมื่อคุณขึ้นบันไดเลื่อน คุณก็จะพบกับพนักงานคอยกำชับเราว่า ห่างกัน 2 ขั้นนะครับ ฮ่า ๆ ๆ เลยทำให้การขึ้นบันไดเลื่อนของพวกเราเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น กลัวทำผิดนั่นเอง
และถ้าคุณเดินดูของเปลี่ยนโซนเปลี่ยนแผนก คุณก็จะพบกับพนักงาน (อีกแล้ว) คอยบอกให้เรา เช็คเอ้าท์และเช็คอิน (ไทยชนะ) ด้วยค่ะ พร้อมกับกดแอลกอฮอล์ใส่มือพวกเราอีกแล้ว แล้วทุกการเปลี่ยนโซนจะมีขั้นตอนแบบนี้หมด เขาไม่สนใจว่าเมื่อกี้คุณจะล้างมาแล้ว แต่ถ้าคุณลูกค้าผ่านโซนนี้ จะต้องล้างมือด้วยแอลกอฮอล์จากพนักงานค่ะ ฮ่า
แล้วมันก็มีเหตุการณ์ที่ทำเราอึ้งกับมาตรการของคิงเพาเวอร์อีกคือ เดินไปเจอหมวกผ้ามัดย้อม แล้วมันสวยเลยอยากลอง ตามความเคยชินก็สวมฟึ่บ!! พนักงานบอก ลูกค้าขา รบกวนใส่หมวกคลุมผมก่อนค่า เรานี่รีบถอดออกเลยเพราะกลัวของเขาเลอะ จากนั้นพนักงานก็ให้ใส่หมวกคลุมผมแล้วก็ค่อยลองหมวกใบนั้น ตอนลองนี่คือกังวลใจมาก ตายแล้วเราดันไปลองแบบไม่มีอะไรป้องกันไปแล้วจะทำไง พนักงานเลยบอกว่า เดี๋ยวเราจะมีการเอาสินค้าที่มีคนลองแล้วทำการใส่กล่องอบฆ่าเชื้ออีกทีค่ะ
ส่วนหมวกก็ให้วางในถาด แล้วพนักงานก็จะเอาไปทิ้งในถังขยะติดเชื้อให้
ตอนนี้เริ่มรำพึงกับตัวเองแล้วว่า …….คุณพระ!!! นี่เราไม่ได้สกปรกใช่ไหม ทำไมสะอาดกว่าบ้านฉันอี้กก
เดินเลือกของวน ๆ จนเหนื่อย พอเหนื่อยท้องก็หิว และเราก็ต้องอึ้งกับมาตรการในโซนร้านอาหารที่คิงเพาเวอร์อีกครั้ง
เริ่มต้นด้วย เช็คเอ้าท์จากโซนเดิม และเช็คอินเข้าโซนใหม่ นโยบายรัฐอ่าเนอะก็ต้องทำตาม พนักงานวัดไข้แปะสติ๊กเกอร์เพิ่มให้ จากนั้นให้ถุงซิปล็อคพร้อมกระดาษทิชชู่ให้คนละ 1 ซอง พร้อมกับบอกว่า “เอาไว้ใส่แมสตอนทานข้าวนะครับ” เหยยยยยย ปกติเราก็จะถอดแมสวางบนโต๊ะ ใส่กระเป๋าอะไรก็ว่าไปใช่ปะ แต่ที่นี่มีที่ใส่ให้เรียบร้อย คิดมาให้อีกแล้วปลื้มมมม….
แล้วก็จะมีพนักงานพุ่งเข้าหาท่านด้วยท่าที่ดูสุภาพ ถามว่ามากี่ท่านแล้วพาไปนั่งโต๊ะที่ได้จัดวางให้มีความห่าง บางโต๊ะที่นั่งได้สองคนก็มีอะคริลิคใสกั้น ทำตามแนวปฏิบัติที่รัฐบอกเป็นอย่างดี
สิ่งที่คุณจะทำต่อจากการหาโต๊ะคือ การแลกการ์ดซื้ออาหาร แต่ในการบริการครั้งนี้อาจจะนานหน่อย คือปกติมันแลกปุ๊บ ก็ได้ปั๊บ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ปุ๊บปั๊บขนาดนั้น จนเราชะเง้อมองว่าทำไมไม่เร็วเหมือนปกติ ก็พบว่า พนักงานเช็คทำความสะอาดการ์ดทุกใบ! ซื้อ 4 ใบ เช็ด 4 ใบ ในส่วนของเงินทอนนั้น…..พนักงานก็จะบอกกับเราว่า “ขออนุญาตใส่ซองพลาสติกนะคะ” อย่างที่รู้กันเนอะ ว่าเงินมันก็ไม่ได้สะอาดสักเท่าไหร่ แต่นางก็ใส่ซองพลาสติกเพื่อลดการสัมผัสมาให้ค่ะ งื้ออออออ…..ประทับใจมาก ไม่รู้จะดูเวอร์ไปไหม แต่เหมือนรู้สึกได้รับการปรนบัติดูแลเป็นอย่างดีเลย คิดมาให้แล้วเสร็จเรียบร้อยทุกกระบวนการ
กินข้าวเสร็จแล้ว แรงมาแล้ว ขอเดินซื้อขนมอีกหน่อยแล้วกัน การซื้อขนมก็มีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นอีกเช่นกัน คือเราจ่ายเงินรับถุงขนมมาแล้วเสร็จสรรพ พนักงานก็บอกกับเราว่า “คุณลูกค้าเอาถุงไปอบฆ่าเชื้อโรคได้ที่ตู้อบหน้าลิฟท์เพื่อทำการฆ่าเชื้อโรคอีกครั้งก็ได้นะคะ” เรานี่ตาโต หือออ มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ เพราะเรารู้สึกว่ามันสะอาดมาตั้งแต่ต้นแล้วไง สะอาดจนเราต้องระวังตัวเองไม่ให้ไปทำของเขาเปื้อนอ่ะ ฮ่า จากนั้นเราก็เดินไปที่ตู้อบฆ่าเชื้อ ก็จะมีพนักงานคอยให้บริการ ทำการอบด้วยแสง UV ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ถุงของเราก็จะสะอาดเอี่ยม สะอาดจนมั่นใจว่าถุงน่าจะสะอาดกว่าตัวเราไปแล้ว
ถึงเวลากลับบ้าน เราก็ออกทางเดิม พนักงานก็จะคอยกำชับให้เราเช็คเอ้าท์พร้อมกับทำแบบสอบถามในระบบด้วยนะคะ ตอนที่ยืนทำแบบสอบถามสายตาก็เหลือบไปเห็นหน้าจออันใหญ่ที่อยู่ด้านบน มีกราฟ แสดงจำนวนผู้เข้าใช้บริการที่โซนต่าง ๆ ให้ดูคิงเพาเวอร์มีพื้นที่เท่านี้ (ถ้าจำไม่ผิดเขาจะคำนวณพื้น 5 ตร.ม. ต่อ 1 คน) สามารถให้บริการลูกค้ามากสุดเท่านี้ และตอนนี้มีผู้เข้าใช้บริการเท่านี้ (อันนี้รู้เพราะไปยืนคุยกับพนักงานมา)
เรารู้สึกประทับใจกับมาตรการรักษาความสะอาด ความปลอดภัยกับที่นี่ตั้งแต่เช็คอิน แล้วเข้าไปมันก็เจอสิ่งที่พีคเรื่อย ๆ จนกระทั่งเช็คเอ้าท์ มีหลายสิ่งทำให้รู้สึกว่าทางคิงเพาเวอร์ได้คิดมาให้แล้ว คิดมาเผื่อแล้ว ว่าตรงไหนที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เขาก็ปิดจุดนั้นส่วนตัวแล้วถือว่าทำได้ดีนะ ไม่ได้ทำเล่น ๆ หรือทำเอาหน้า ฆ่าเชื้อจริง อบจริง แอลกอฮอล์ไม่เคยห่างหายไปจากมือเลย นอกจากมาตรการฯ ก็ต้องชื่นชมพนักงาน เขาบริการดีมาก เหมือนเขาคิดถึงลูกค้า พูดจาดี สุภาพ ยิ้มแย้ม ถึงแม้ว่าลูกค้าจะบ่นว่าแอลกอฮอล์ไม่ต้องแล้วก็ได้มั้งคะ เพิ่งจะล้างจากตรงนู้นมาเอง พนักงานก็หัวเราะ พร้อมกับกดใส่มือให้เหมือนเดิม น่ารักไหมหละ