กว่าจะเป็นนักธุรกิจแถวหน้า...ต้องผ่านอาชีพอะไร
ใครอยากเป็นเศรษฐี ฉันละสิ ฉันละสิ!!! กว่าจะเป็นนักธุรกิจแถวหน้า
ก่อนจะประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย
และกว่าจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐี ก็ต้องต่อสู้ ดิ้นรน เพราะหนทางที่ผ่านมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบชีวิต
ตัวอย่าง 5 Story บุคคลแถวหน้าของไทย ต้องผ่านอาชีพอะไรมา มีมาให้ทัศนะกัน
1. ตัน ภาสกรนที เป็นลูกคนสุดท้องในครอบครัวชาวไทยมีฐานะปานกลาง คุณตันจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 และเริ่มทำงานแรกเป็นพนักงานแบกของ และหันมาเป็นเจ้าของแผงหนังสือที่ชลบุรี และเริ่มต้นขยายกิจการไปซื้อห้องแถว จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และผู้ก่อตั้งอิชิตันกรุ๊ป
2. วิกรม กรมดิษฐ์ เกิดที่จังหวัดกาญจนบุรี เขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูล มีความสนใจการค้าตั้งแต่ยังเล็ก อาชีพแรกของเขาคือการรับช่วงต่อกิจการร้านถั่วคั่วจากป้า ปี พ.ศ. 2518 ต่อมาหันมาบุกเบิกธุรกิจด้านนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ของประเทศไทยและ 2 แห่งในประเทศเวียดนาม ก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนกว่า 7 แสนล้านบาท การจ้างงานกว่า 200,000 คน มีโรงงานกว่า 850 โรง
3. ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ เกิดที่ย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรชายคนที่ 5 เมื่ออายุได้ 19 ปี ทำงานตำแหน่ง "แคชเชียร์" ต่อมาทำงานที่สหพันธ์สหกรณ์ค้าไข่แห่งประเทศไทย และบริษัท สหสามัคคีค้าสัตว์ จำกัด ตามลำดับ ได้กลับมาทำงานที่เจริญโภคภัณฑ์ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารระดับสูงของเครือเจริญโภคภัณฑ์ รับผิดชอบบริหารงานในตำแหน่งประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์
4. อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เจ้าของสาหร่ายทอดกรอบ “เถ้าแก่น้อย” เขาเคยถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่สนใจการเรียน มีแต่คำว่า “เกม” กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเกม จนมีฝรั่งมาขอซื้อไอเท็มเด็ดๆ ไอเท็มเจ๋งๆ และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นสร้างรายได้ของต๊อบ สร้างรายได้ให้เขาเป็นกอบเป็นกำ จนมีเงินเก็บเป็นหลักแสนบาทเลยทีเดียว
5. ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกรและนักแสดงชาวไทย เข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยการแสดงภาพยนตร์ไทย เรื่องแรกคือ สืบยัดไส้ ในปี พ.ศ. 2521 ในบทบาท นักแสดงประกอบ ปัจจุบัน ปัญญา นิรันดร์กุล ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
นี่คือ บรรดานักธุรกิจแนวหน้าของไทย Story ของทุกคนก็เริ่มจากอาชีพเล็กๆ ที่เป็นอาชีพแรกในการหารายได้ของเขา คำว่า "อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา" ประโยคนี้ยังใช้ได้ดีทุกยุค ทุกสมัย แม้แต่ ยุค 4.0 ได้เสมอ
------------------------------------------