รู้จัก Dark Web อีกมุมหนึ่งของโลกอินเตอร์เน็ต
เว็บบนดิน-ใต้ดิน-ดาร์กเว็บ หากเรามองโลกออนไลน์ที่เราใช้บริการกันอยู่ ยังคงมีเว็บไซต์ทั่วไปที่ใช้งานกันอยู่ในโลกปัจจุบันนั้นเปรียบเสมือนพื้นที่บนผิวดิน ที่ใครๆ ก็เปิด Facebook โพสต์รูปลง IG ทวีตข้อความบน twitter นั่นคือสิ่งทั่วๆ ไป ที่เราพบเป็นกันอยู่
ปัจจุบันนี้มีเว็บไซต์เปิดเผยสู่สาธารณะที่สามารถค้นหาเจอโดยใช้ Search Engine เพียง 4% เท่านั้น ที่เหลืออีก 96% เป็นเว็บไซต์ที่ซ่อนตัวอยู่ ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีปกติ หรือที่เรียกว่า Deep Web เช่น เว็บไซต์ทางการศึกษา บันทึกการแพทย์ ข้อมูลรัฐบาล รายงานวิทยาศาสต์ และอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งในนั้นคือ Dark Web ที่รวมแหล่งข้อมูลผิดกฏหมาย ไม่สามารถเข้าผ่าน Chrome หรือ Firefox ตามปกติได้ แต่ต้องเข้าผ่าน Tor Browser เป็นต้น โดยต้องทำการติดตั้ง Browser ที่ชื่อ Tor ซะก่อนจึงจะเข้าทัวร์เว็บพวกนี้ได้
Deep Web เป็นข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่ไม่ถูกจัดทำ Index โดย Search Engine มาตรฐานทั่วไป เช่น Google หรือ Yahoo นั่นหมายความว่า ผู้ใช้ทั่วไปจะไม่สามารถค้นหาเว็บไซต์เหล่านั้นได้เจอผ่าน Search Engine แต่ยังคงสามารถเข้าผ่าน URL ได้ตามปกติ (ถ้าทราบ) เว็บไซต์เหล่านั้นได้แก่ ฐานข้อมูลของผู้ใช้, เว็บไซต์ที่จำเป็นต้อง Login ก่อน, เว็บเมล, เพจที่อยู่ด้านหลัง Firewall เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการศึกษา บันทึกการแพทย์ เอกสารกฏหมาย รายงานทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลรัฐบาล หรือคลังข้อมูลขององค์กร
แต่ยังมีเว็บไซต์ที่ถูกซ่อนลึกว่านั้น นั่นก็คือ Dark Web หรือ Dark Net ซึ่งเป็นกลุ่มข้อมูลหรือเว็บไซต์ขนาดเล็กที่อาจเรียกได้ว่าเป็นตลาดมืดออนไลน์ โดยข้อมูลส่วนใหญจะเป็นเรื่องการค้ายาเสพติด ค้าประเวณี ค้าอาวุธ แหล่งซ่องสุมแฮ็คเกอร์ รวมไปถึงการจ้างวานฆ่า จากการวิจัยของ King’s College London พบว่าเกินครึ่งของสิ่งที่อยู่ใน Dark Web นั้นเป็นสิ่งผิดกฏหมาย