ปลาทู...ไม่ใช่อาหารสำหรับผู้มีรายได้ต่ำอีกแล้ว
สมัยก่อนปลาทูได้ชื่อว่าเป็นอาหารคู่ทุกข์คู่ยากของคนไทยที่มีรายได้ต่ำ จนวันใดที่มีรายได้น้อยก็มักพูดกันติดปากว่า "วันนี้ต้องกลับบ้านไปกินน้ำพริกปลาทูอีกแล้ว"
แต่ในปัจจุบันคนไทยไม่สามารถหาปลาทูราคาถูกได้อีกต่อไปแล้ว ปัจจุบันราคาปลาทูนึ่ง ขนาดปกติทั่วไปที่ตลาดขายส่งสี่มุมเมือง ปทุมธานี ตกกิโลกรัมละ 100 บาท หากเป็นตัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นราคาก็แพงขึ้นไปอีก
หากเป็นราคาขายปลีกตามท้องตลาดสดทั่วไปหรือในห้างสรรพสินค้าราคาจะแพงกว่านี้อีกมาก
นอกจากปลาทูที่เคยเป็นอาหารพื้นบ้านราคาถูกคู่กับผู้มีรายได้ต่ำจะแพงขึ้นมากแล้ว พืช ผัก ผลไม้ พื้นบ้านทั่วไปราคาก็แพงขึ้นมากเช่นกัน โดยเฉพาะหลังจากประเทศไทยประสบกับภาวะน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ที่เป็นเหตุให้เกิดการขาดแคลน จึงทำให้ราคาอาหารสดแพงขึ้น
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าราคาสินค้าในท้องตลาดประเทศไทยเมื่อขึ้นราคาไปแล้ว ไม่เคยปรากฏว่าราคาจะลดลงแม้เหตุการณ์ที่เป็นต้นเหตุให้สินค้าแพงผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม
โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งสินค้าและบริการจะเพิ่มราคาขึ้นหรือลดปริมาณลงทันที
อนึ่งการขึ้นราคาสินค้าที่จำเป็น เช่น ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ไม่ใช่ว่าจะเพิ่มราคาครั้งละ 50 สตางค์หรือ 1 บาท แต่กลายเป็นประเพณีไปแล้วว่าการขึ้นราคาแต่ละครั้งต้องขึ้นอย่างต่ำจาน/ชามละ 5 บาทขึ้นไป
ดังนั้นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้ผู้มีรายได้ขั้นต่ำมีรายได้โดยรวมเพิ่มขึ้นแล้ว แต่กลับต้องมีรายจ่ายส่วนที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการไม่ขึ้นค่าแรงเสียอีก เพราะมีจำนวนหรือรายการของสินค้าและบริการ ที่เพิ่มราคาหรือค่าบริการหลายรายการ เช่น หากต้องซื้อข้าวแกงที่เพิ่มขึ้นจานละ 5 บาท 3 มื้อ/วัน ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นวันละ 15 บาท นอกจากนี้แต่ละวันยังต้องมีรายจ่ายรายการอื่น ๆ ที่เพิ่มราคาอีก ดังนั้นหากบ้านไหนมีสมาชิกในครอบครัว 3 คน แต่มีผู้ทำงานหารายได้เพียงคนเดียวภาระยิ่งเพิ่มขึ้นมากเป็น 3 เท่า
ดังนั้นตราบใดที่ผู้ใช้แรงงานอยากจะเรียกร้องให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำควรจะตระหนักถึงปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ด้วย
https://youtu.be/c35y0hR0tDM