12 ข้อที่ทำให้ Still Human เป็นหนังเอเชียม้ามืดที่ใครรู้สึกหมดไฟ ควรไปดูอย่างยิ่ง
Still Human (10/10 A++++++)
"เปี่ยมด้วยหัวใจและความรู้สึกโคตรดีงาม สมคำร่ำลือ
เป็นหนังที่คุณภาพโหดหินอีกเรื่องของปีนี้"
.
.
.
.
.
ความรู้สึกคือตามภาพ ตอนนี้มันตื้นตันมากๆ อาจพิมพ์อะไรเก้ๆกังๆได้ คือหนังมันดีมากกกกกกกกกกกกไม่ไหวแล้วจริงๆ ขอลิสเท่าที่นึกออกก่อนนะ
.
1. ใครที่กำลังหมดไฟ อยากเติมไฟ เติมกำลังใจดีๆผ่านหนังสักเรื่อง นี่คือหนังของคุณ นี่คือหนังที่จะพาเราโอบกอดความเจ็บปวดและค่อยๆพาใจก้าวผ่านขวากหนามไปเจอความหวังที่ทำให้เราอยากก้าวไปข้าวหน้าต่ออย่างงดงามเท่าที่หนังเรื่องนึงจะทำได้
.
2. เราคิดว่าเผลอๆการทำหนังแบบนี้อาจยากและท้าทายกว่าการทำหนังฟอร์มใหญ่เสียอีก เพราะไม่ง่ายเลย ที่จะนำเสนอซีนที่ดูพื้นๆ เป็นเรื่องคนพิการอัมพาตครึ่งล่าง กับคนดูแลต่างด้าวคนหนึ่ง ออกมาได้อย่างละมุนละม่อม เต็มไปด้วยความน้อย แต่มากในอารมณ์ หนังละเลียดความรู้สึกของคนดูจนสุดท้ายกำแพงของความรู้สึกถูกทลายจนบ่อน้ำตาทะลักอย่างไม่มีชิ้นดี เป็นการเสียน้ำตาที่อิ่มเอมและตื้นตันมากที่สุดในรอบปีอีกเรื่อง
.
3. วัดกันที่หนังเอเชีย เรื่องนี้ถือว่าแซงทางโค้งทุกเรื่อง เป็นรองแค่ Better Days ในความรู้สึกเรา แต่จริงๆหนังมันคนละแนว ถ้านับว่าในแนวทาง ถืว่าทำได้ดีมากทั้งสิงเรื่อง
.
4. ยิ่งปีที่แล้วเราประสบอุบัติเหตุหนัก เลยมาดูชีวิตของคนที่อยู่ในหนังมันยิ่งอิน บางทีเราเฝ้าถามตัวเองตลอดว่า ถ้าวันนั้นเราไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ เราจะพลาดท่าจนทำให้ชีวิตพบจุดเปลี่ยนแบบที่ไม่มีวันย้อนกลับหรือเปล่า ซึ่งต่อให้คิดแค่ไหน วันคืนที่ผ่านไป สิ่งเดียวที่ทำได้คือยอมรับกับสภาพตัวเองว่าปัจจุบันมันกลายเป็นความจริงของเราไปแล้ว แต่หนังเองก็ปลอบประโลมเราว่า ชีวิตของเรา จะดิ่งลงก้นเหวแค่ไหน ชีวิตเราก็ไม่ได้เป็นแค่ขยะที่ไร้หัวใจเป็นได้เพียงภาระชีวิตคนอื่นหรอก บางทีการที่เราได้อดทนจนพบเจอใครที่ทำให้เรามีความหวังอีกครั้ง มันอาจจะคุ้มค่าสำหรับเราก็ได้
.
5. แล้วความฝันล่ะ? ฝันที่มีจะมลายหายไปเพราะโลกความจริงไม่เป็นไปตามที่ใจเราพึงปรารถนาหรือเปล่า ต้องไปหาคำตอบในเรื่องนี้ มีบาง Quote ที่แปะมาตั้งแต่หน้าหนังว่า
"ปากท้องสำคัญกว่า ความฝันค่อยว่ากันทีหลังก็ได้"
ประเด็นนี้ถูกขยี้อย่างจับใจจนอยากการันตีว่าควรได้ดูเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์
.
6. ชีวิตของคนที่โดนพิษร้ายความจริงเล่นงานจนไม่กล้าทำสื่งที่ฝัน หรือไม่กล้าคิดที่จะฝัน บางครั้งการได้เจอกับใครอีกคนที่ยอมรับ เข้าใจ โอบกอดความเป็นเราโดยไม่ตัดสิน แบ่งแยก แบ่งชนชั้น เคารพในความเป็นคนของกันและกัน เข้าใจถึงความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต อาจทำให้เรากล้าพอที่จะฝันอีกครั้ง และในชีวิตนึงของคน การที่ได้ทำตามความฝันที่มี มันอาจเป็นสิ่งที่น่าอิจฉาที่สุดก็ได้ในมุมของคนมีฝันแต่ไม่ได้ทำ
.
7. การถ่ายภาพมุมตึกช้อนผ่านจากมุมล่างช่วงใต้ตึก ขึ้นไปยังท้องฟ้าที่มีเพียงรูแสงสว่างไม่มาก และกล้องก็ค่อยๆเคลื่อนไปใกล้ท้องฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านกรอบเส้นของจัตุรัสช่วงตึกอันแออัดของผู้คน สู่ความอิสระเสรี เป็นชอตนึงที่ทรงพลังมากสำหรับเรา มุมอื่นๆก็ถ่ายดี สามารถเล่าเรื่องด้วยภาษาภาพได้อย่างชาญฉลาด
.
8. ดนตรีประกอบ นึกถึงหนังญี่ปุ่นเมโลดราม่าดีๆ ที่เล่นท่วงทำนองเปียโนเบาๆ แต่ดังและไพเราะจับใจ ยากมากที่ดนตรีในหนังเรื่องนี้จะไม่ทำให้ใจคุณสั่นไหวไปกับตัวละครในเรื่องได้
.
9. นักแสดงแต่ละคน มาได้สมบทบาท ดีงามมากๆ โดยเฉพาะตัวเอกที่เล่นเป็นคนพิการ คือลุงเล่นได้จับใจมากจนช่วงหลังเสียน้ำตาติดกันไปหลายๆฉาก
.
10. เราว่าหนังมันเล่าเวรี่ถ่อมตัวอ่ะ ไม่มีสถานการณ์ที่พยายามประโคมความรู้สึกคนดู แต่หลายๆฉาก เรากลับรู้สึกไปกับมัน ทั้งที่มันอาจบอกเล่าเป็นนัยยะ ไม่เล่าตรงๆเสียหมด
.
11. ตอนแรกกลัวว่าเข้าไปดูแล้วจะหลับไหม เพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน ปรากฏว่า ไม่หลับเลย นี่คืออีกเรื่องที่บอกได้เต็มปากว่า "เรียบง่ายแต่มมากด้วยเสน่ห์" หนังถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ได้ดีมากสมกับชื่อหนัง Still Human
.
12. วันนึงอยากทำหนังที่ทุกอย่างดูน้อยๆ เรียบๆ แต่ตราตรึงอย่างนี้บ้างจัง แต่ก็นั่นแหละ เราคงอยู่ในวัยที่อยากทำหนังหวือหวาบ้าพลังอยู่ ก็คงต้องอยู่ในโมเม้นท์นี้ไปก่อน เพียงแต่เวลาดูหนังอย่างเรื่องนี้ เรารู้สึกว่า พอได้เห็นสิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมา คงต้งระลึกเสมอว่า ไม่ว่าจะเล่าอะไรให้คนดูในแนวทางแบบไหน สิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้ คือความซื่สัตย์ในเรื่องราวที่เล่า จริงใจกับตัวละคร จนเราได้เห็นตัวละครทุกตัวจริงใจกับคนดู จนกำแพงที่กั้นเราไว้ ไม่ว่าจะเป็นตัวจอ ตัวโรงฉาย หากคอนเทนต์มันทำงาน ถึงจุดนึง ความรู้สึกของเรากับหนังจะรวมเป็นอีนหนึ่งอันเดียว และเรื่องนี้ก็ทำได้อยากใก้ทุกคนได้ดูจริงๆ เป็นหนังที่นำเสนอเรื่องคนเล็กๆ แต่โลกต้องการคนแบบนี้มากขึ้นเท่าทวีคูณเหลือเกิน
.
.
อ่านมาขนาดนี้ยังไม่เชื่อ ต้องไปเจอเอง แล้วเดี๋ยวจะรู้เลย
รู้สึกว่าฉายแค่ที่ House สามย่านมิตรทาวน์นะ
.
.
อันนี้ตัวอย่าง สำหรับใครที่ไม่เคยดู
.
.
สุดท้าย ฝากอีกรีวิวนึง เป็นหนังฮ่องกง ฉายในช่วงนี้เหมือนกัน เกี่ยวกับคนแก่สูวัยชาย-ชายรักกัน แต่เล่าออกมาได้ดีเลยทีเดียว