แกงส้มใต้ รสจัดจ้านแซ่บถึงทรวง
"แกงส้ม" ถือเป็นอาหารคาวอีกหนึ่งเมนูที่กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆแล้วอร่อยไม่เบื่อ ไม่เลี่ยน นั่นก็คือ แกงส้มฉบับใต้ หรือคนทั่วไปเรียกว่า "แกงเหลือง" นั่นเอง เหตุที่เรียกว่าแกงเหลือง เพราะทางใต้จะแกงใส่ขมิ้น แต่ภาคอื่นจะใส่กระชายแทน และใส่กะปิเคยกุ้งอย่างดีเสริมชูรสชาติ ซึ่งแกงส้มรสชาติจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค โดยทางภาคอื่นๆที่ผู้เขียนเคยได้ลองชิมมานั้น รสชาติจะไปในทางหวานอมเปรี้ยวซะมากกว่า แต่แกงส้มแบบใต้นั้น ใครกินเข้าไปแล้วต้องถึงกับปาดเหงื่อไป กินไป เลยทีเดียวล่ะค่ะ
แกงส้ม ถือเป็นเมนูแกงประเภทหนึ่ง ที่มีสีสันสีเหลืองอมส้ม รสชาติเผ็ด เปรี้ยว จัดจ้านมาก และเกือบทุกครัวเรือนนิยมแกงกินกันภายในครอบครัวบ่อยครั้งในรอบหนึ่งสัปดาห์ เป็นแกงที่มีคุณประโยชน์โภชนาการทางด้านอาหารและทางด้านสมุนไพรสูงมาก ความเผ็ดและสาร "แคปไซซิน" จากพริกช่วยลดความอ้วน ลดไขมัน ลดคอเรสเตอรอล ป้องกันโรคหลอดเลือดตีบตัน โรคหัวใจ ได้ด้วยนะคะ เพราะสมุนไพรเครื่องเทศต่างๆที่นำมารวมกันในแกงส้มนั่นเอง ข้อมูลความรู้เรื่องพริกนี้ผู้เขียนเคยศึกษาเรื่องสมุนไพรในบ้านค่ะ เลยนำมาบอกเล่าสู่กันฟัง แชร์ให้กับท่านผู้อ่านที่เคารพรักของผู้เขียน
อย่ามัวรอช้า!!!! เมื่อรู้แล้วว่าแกงส้มมีประโยชน์เยอะ แถมกินเท่าไหร่หรือกินทุกวันก็ยังได้ เพราะกินแล้วไม่อ้วนแถมควบคุมน้ำหนักทางอ้อมอีกทางหนึ่งด้วยน้า ใครจะไม่สนใจใช่มั้ยล่ะคะ ถ้าอร่อยแต่ไม่อ้วน ใครๆก็ปราถนา เรามาเข้าครัวปรุงแกงส้มฉบับใต้ของเรากันดีกว่าค่ะทุกคน ซึ่งวันนี้ผู้เขียนขอนำเสนอเมนู "แกงส้มปลาหัวอ่อน" จากท้องทะเลลำปำ ซึ่งเป็นทะเลสาปน้ำจืดและเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาปสงขลาค่ะ
วัตถุดิบ มีดังนี้
1. พริกขี้หนูสด/ หรือจะเป็นพริกขี้หนูแห้งก็ได้นะคะ เคล็บลับเรื่องพริก ถ้าเป็นพริกขี้หนูสด แกงจะมีความหอมกว่าเล็กน้อย แต่สีสันสู้พริกแห้งไม่ได้ค่ะ ส่วนใครจะใช้พริกขี้หนูแห้ง แนะนำให้เอาไปแช่น้ำก่อนนะคะ เพื่อให้บดง่าย หรือตำง่ายขึ้นค่ะ
2. กระเทียม 5-7 กลีบ
3. เกลือ 1 ช้อนชา
4. ขมิ้น 1/2 แง่ง
5. กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
6. มะนาว 6-7 ลูก
7. ปลาหัวอ่อน 1/2 กก.
8. น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
มาถึงขั้นตอน วิธีการทำ มีดังนี้
1. นำพริกแกง น้ำสะอาด ตั้งไฟกลาง เคี่ยวจนพริกแกงเดือด
2. ให้ใส่น้ำมะนาวลงไปสักประมาณ 3/4 ถ้วยตวง
3. ปลาหัวอ่อน เรานำมาล้างทำความสะอาดด้วยเปลือกมะนาวที่เราคั้นน้ำใส่แกงส้ม หรือน้ำส้มสายชู หรือเกลือ ก็ได้ค่ะ เพื่อขจัดเมือกลื่นๆ และกลิ่นคาวของตัวปลาค่ะ
4. เมื่อพริกแกงเราเดือดอีกครั้ง ให้เราใส่ปลาหัวอ่อนที่เราล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วลงไปในหม้อ เหตุผลที่ทำไมไม่ใส่ปลาลงไปพร้อมกันตั้งแต่ต้น และต้องรอให้น้ำแกงเดือด ก็เพื่อไม่ให้แกงส้มของเรามีกลิ่นคาวปลานั่นเอง และขั้นตอนนี้เมื่อใส่ปลาลงไปแล้ว ห้ามคนนะคะเพราะจะทำให้ปลาเราคาว สังเกตให้น้ำแกงท่วมตัวปลานะคะ ปิดฝาหม้อทิ้งไว้สัก10-15 นาที ให้ตัวปลาสุก ชิมรสชาติตามใจชอบ
5. เมื่อได้รสขาติตามชอบแล้ว ให้บีบมะนาวลงในหม้อแกงส้มของเราสักครึ่งลูก เพื่อให้น้ำแกงของเรามีกลิ่นหอมมะนาวสด ที่ได้จากน้ำมันระเหยที่ผิวมะนาวผสมน้ำมะนาวสดๆ เสร็จยกลงจากเตา
ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ หน้าตาน่ากิน เผ็ด เปรี้ยว เค็ม รสชาติกลมกล่อมของน้ำแกง กลิ่นหอมมะนาวฟุ้งแตะจมูก เนื้อปลานุ่มก้างน้อย รสชาติคล้ายปลาเนื้ออ่อน ได้ข้าวสวยร้อนๆสักจาน ซดน้ำแกงซี้ดซ้าด จัดจ้าน อร่อยไม่รู้ลืมเชียวล่ะ