เพจเฟซบุ๊ก”โบราณนานมา”แจงความจริงเกี่ยวกับยอดเจดีย์วัดกุฏีดาวหัก ที่ถูกบิดเบือน
สรุปความว่า
เรื่อง “วัดกุฎีดาว” ที่รายการบิดเบือน
ตอนแรกก็ว่าจะไม่เล่นประเด็น “วัดกุฎีดาว” แล้วนะ เพราะเห็นหลายเพจและหลายคนพูดประเด็นนี้ไปแล้วเมื่อเดือนก่อน พอดีตอนนี้เห็นเพจแหม่มโพธิ์ดำ กำลังพูดถึงรายการนี้อยู่ และมีอยากรู้เรื่องต่าง ๆ ที่รายการนี้กำลังบิดเบือน วันนี้จึงขอเสนอเรื่อง “วัดกุฎีดาว” ก่อนแล้วกัน
ในรายการ “ช่องส่องผี” เล่าว่าประมาณว่า “...เจดีย์ประธาน วัดกุฎีดาวที่พังทลายลงมา เพราะพม่ายิงปืนใหญ่ใส่วัด เมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ ๒ และผู้สร้างวัด คือ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ)...”
ประเด็นหลัก ๆ มี ๒ ประเด็น คือ
๑. สาเหตุที่เจดีย์ประธานพังทลายลงมา เพราะอะไร ?
๒. พระเจ้าเอกทัศ คือผู้สร้าง “วัดกุฎีดาว” จริงหรือ ?
๑. สาเหตุที่เจดีย์ประธานพังทลายลงมา
มีหลักฐานชัดเจนว่า “ปล้องไฉน” ของเจดีย์ประธานวัดกุฎีดาว เพิ่งจะหักมาไม่นานสักร้อยปีมานี่เอง โดยวัดนี้อยู่ในเขตเมืองเก่าอโยธยา
และใน “รายงานการบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์วัดกุฎีดาว เมื่อปี ๒๕๔๓” ก็กล่าวถึงปัญหาของโครงสร้างวัดกุฎีดาว ที่เป็นสาเหตุให้ “ปล้องไฉน” ของเจดีย์ประธานวัดกุฎีดาว พังทลายลงมา ในรายงานระบุว่า
“...เจดีย์ประธานวัดกุฎีดาว เป็นเจดีย์ทรงระฆังตั้งอยู่บนฐานประทักษิณย่อ มุมไม้ยี่สิบ โดยองค์เจดีย์มีความสูงทั้งหมด (เท่าที่เหลือ) ๑๔.๕๐ เมตร ฐาน ประทักษิณทุกด้านจะมีรอยแตกเป็นแนวยาวแสดงถึงการทรุดตัวของเจดีย์ ลวด ลายขาสิงห์ที่ประดับฐานประทักษิณขององค์เจดีย์ แข้งสิงห์มีการทํารอยหยัก ๒ หยัก ซึ่งมีลักษณะแปลกกว่าที่อื่น
บนลานประทักษิณพบหลักฐานการปูพื้นด้วยแผ่นหินสีเขียวอ่อน-เทา เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาคต่าง ๆ กัน มีระเบียงล้อมรอบลานประทักษิณ ปัจจุบันพัง หมดแล้วเหลือเพียงเสาหัวเม็ดทรงมัณฑ์ตรงมุม ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ และมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่บนลานประทักษิณด้านทิศเหนือ องค์เจดีย์ประธานมีบันไดทางขึ้น ๒ บันใด อยู่ทางด้านทิศตะวันออกอยู่ในสภาพชํารุด
ถัดจากลานประทักษิณเป็นชั้นฐานย่อเก็จรองรับองค์ระฆังอยู่ในสภาพ ชํารุคปูนฉาบหลุดร่วงออกเกือบหมด ถัดจากฐานย่อเก็จขึ้นไปเป็นชั้นมาลัยเถา ๒ ชั้น อยู่ในสภาพชํารุดเหลือเพียงบางส่วนมีวัชพืชขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วไป ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดได้พังทลายลงมาหมดเหลือเพียงด้านทิศใต้เท่านั้นที่ยังเหลือ มากกว่าด้านอื่น ๆ
นอกจากนี้บนลานประทักษิณยังมีเจดีย์ทิศจํานวน ๘ องค์ ล้อมรอบเจดีย์ ประธาน มีลักษณะเป็นทรงระฆังกลมบนฐานแปดเหลี่ยม ซึ่งเหลือให้เห็นเพียง ด้านทิศตะวันออก ส่วนด้านอื่นเหลือเพียงฐานแปดเหลี่ยม...”
*** เพียงแค่นี้ก็น่าจะสรุปได้แล้วว่า “ปล้องไฉน” ของเจดีย์ประธานวัดกุฎีดาว พังทลายลงมา เพราะปัญหาด้านโครงสร้าง ไม่ใช่เพราะพม่ายิงปืนใหญ่ใส่วัดตามที่รายการกล่าวอ้าง และ “วัดกุฎีดาว” นี้ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองอยุธยาไปทางทิศตะวันตก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะโดนพม่ายิงปืนใหญ่ถล่มใส่ เพราะเป้าหมายหลักตอนนั้น คือ ทำลายค่ายของอยุธยาและยิงปืนใหญ่เข้าไปในกำแพงเมืองอยุธยา
๒. พระเจ้าเอกทัศ คือผู้สร้าง “วัดกุฎีดาว” จริงหรือ ?
ใน “พงศาวดารฉบับต่าง ๆ” ก็สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) มิได้เป็นผู้สร้างหรือแม้แต่บูรณปฏิสังขรณ์ “วัดกุฎีดาว” เลยด้วยซ้ำ
“วัดกุฎีดาว” นี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ช่วงแผ่นดิน “พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ” ผู้เป็นพระบรมเชษฐาธิราชของ “พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ” (เวลานั้นดํารงพระยศเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า))
มาดูหลักฐานกัน พงศาวดารสมัยอยุธยาฉบับต่าง ๆ ได้กล่าวถึงวัดกุฎีดาวว่าปฏิสังขรณ์โดยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ครั้งยังดํารงพระยศเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ในปี พ.ศ. ๒๒๕๔ ใช้เวลา ๓ ปีเศษจึงสําเร็จ
พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหลวง และฉบับกรมพระปรมานุชิตชิโนรส กล่าวว่า
“...สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรสถานมงคลให้ช่างปฏิสังขรณ์ วัดกุฎีดาวอันใหญ่ ในปีเถาะตรีศก เสด็จไปทอดพระเนตรการที่วัดนั้น เดือนหนึ่งบ้าง สองเดือนบ้าง เหมือนพระเชษฐาธิราช สามปีเศษ วัดนั้นจึงสําเร็จแล้วบริบูรณ์...”
และอีกตอนหนึ่ง กล่าวถึงการสมโภชวัดกุฎีดาวคราปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จว่า
“...ในปีมะแมสัปตศกนั้นพระมหาอุปราชให้ฉลองวัดกุฎีดาว บําเพ็ญพระราชกุศลให้ทานสักการะบูชาแก่พระรัตนตรัยเป็นอันมาก ให้เล่นงานมหรสพสมโภชเจ็ดวัน การฉลองนั้นสําเร็จบริบูรณ์...”
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์วัดพระเชตุพน กล่าวว่า
“...สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ให้ช่าง ปฏิสังขรณ์วัดกุฎีดาวอันใหญ่, ในปีเถาะ ตรีศก. เสด็จไปทอดพระเนตรการที่วัดนั้น,เดือนหนึ่งบ้าง,สองเดือนบ้างเหมือนพระเชษฐาธิราช. สามปี เศษ วัดนั้นจึงสําเร็จแล้วบริบูรณ์...”
*** เพียงแค่นี้ก็สรุปได้แล้วว่า “สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ)” มิได้เป็นผู้สร้างหรือแม้แต่บูรณปฏิสังขรณ์ “วัดกุฎีดาว” เลยด้วยซ้ำ เพราะผู้ที่บูรณปฏิสังขรณ์ คือ “พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ” ผู้เป็นพระบรมชนกนาถของ “พระเจ้าเอกทัศ” จึงไม่มีทางที่ “พระเจ้าเอกทัศ” จะเป็นผู้สร้าง “วัดกุฎีดาว”
ส่วนการก่อสร้าง “วัดกุฎีดาว” นั้นไม่ชัดเจน ปรากฏในหนังสือพงศาวดารเหนือว่า “...พระยาธรรมิกราชซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสายน้ำผึ้งทรงสร้างเมื่อจุลศักราช ๖๗๑ ปีเถาะ เอกศก และพระอัครมเหสีของพระองค์ทรงสร้างวัดมเหยงคณ์ขึ้นคู่กัน ...”
ส่วนในคำให้การขุนหลวงหาวัดกล่าวว่า “...พระมหาบรมราชาทรงสร้างวัดกุฎีดาว (กุฎิทวา) และพระภูมิน ทราธิบดีทรงสร้างวัดมเหยงคณ์...”
แต่พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา หลายฉบับกล่าวความต้องกันว่า “...สมเด็จพระบรมราชาธิราช (เจ้าสามพระยา) ทรงสร้างวัด มเหยงคณ์และไม่มีฉบับใดกล่าวถึงวัดกุฎีดาว จนกระทั่งสมัยอยุธยาตอนปลาย เมื่อมีการบูรณปฏิสังขรณ์ วัดมเหยงคณ์ครั้งใหญ่ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ...”
จึงสันนิษฐานได้ว่า “วัดกุฎีดาว” อาจจะสร้างรุ่นราวคราวเดียวกับวัดมเหยงคณ์ หรือหลังจากวัดมเหยงคณ์เล็กน้อย และคงเป็นวัดขนาดใหญ่ที่สำคัญวัดหนึ่งทางบริเวณที่เรียกว่า “อโยธยา”
หลักฐานอ้างอิง
๑. กรมศิลปากร “วัดกุฎีดาว” พระราชวังและวัดโบราณในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (กรุงเทพ : กรมศิลปากร, ๒๕๒๑) หน้า ๕๔.
๒. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับหลวงสารประเสริฐ และฉบับกรมพระปรมาน ชิโนรส และพงศาวดารเหนือฉบับพระวิเชียรปรีชา (น้อย) เล่ม ๒. (พระนคร: โรงพิมพ์คุรุ สภา, ๒๕๐๔), หน้า ๒๑๗-๒๑๘.
๓. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระพนรันตน์ วัดพระเชตุพน. (พระนคร : ป. พิศ นาคะการพิมพา, ๒๕๐๕), หน้า ๕๘๙.
๔. กรมศิลปากร “วัดกุฎีดาว" พระราชวังและวัดโบราณ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อม ทั้งรูปถ่ายและแผนผัง (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๒๑) หน้า ๕๔.
๕. กรมศิลปากร, ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖๓ เรื่องกรุงเก่า (พระนคร: ห้างหุ้นส่วนกําจัดเกษม สุวรรณ, ๒๕๐๘), หน้า ๑๐๐.