เคล็ดลับ การรับมือกับพิษเศรษฐกิจย่ำแย่และพิษจากเชื้อไวรัลโควิด-19
เนื่องจากปี 2020 เป็นปีที่ประเทศไทยและโลกของเรากำลังเผชิญกับปัญหาพิษเศรษฐกิจที่เวลาจะขายของหรือทำธุรกิจอะไรแล้วมักจะไปไม่รอด มีการปลดพนักงานบ้าง เลิกจ้างบ้าง อีกทั้งยังมีเชื้อโรคไวรัลโคโรน่าหรือเรียกอีกอย่างว่า ไวรัลโควิด-19 ซึ่งเหคุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองอย่างนั้นได้สร้างความเครียดและความคื่นคระหนกให้กับผู้เขียนบ้าง เพราะเวลาจะไปไหนก็คอยระวังว่าจะมีใครติดเชื้อแล้วแพร่สู่เราหรือไม่บวกกับเราต้องเตรียมรับมือใช้จ่ายอย่างประหยัดมากขึ้นในยุคเศรษฐกิจเป็นพิษแบบนี้ วันนี้ผู้เขียนเลยนำ เคล็ดลับ การรับมือกับพิษเศรษฐกิจย่ำแย่และพิษจากเชื้อไวรัลโควิด-19 ซึ่งเป็นเคล็ดลับโดยส่วนตัวของผู้เขียนเอง ที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟังและเผยแพร่ความรู้นี้ให้กับคุณผู้อ่าน ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง เรามาชมไปพร้อม ๆ กันเลย
ขอบคุณภาพปกจาก : freepik.com URL https://bit.ly/2vqLoDN
1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ
ช่วงนี้ผู้เขียนจะดูแลเอาใจใส่สุขภาพตนเองให้แข็งแรงเพื่อต่อสู่กับเชื้อโรคต่าง ๆ ร่วมไปถึงเชื้อโรคไวรัลโควิด-19 ด้วย โดยการทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ หลีกเลี่ยงการไม่ทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ และเมื่อผู้เขียนออกไปข้างนอกแล้วจับหรือสัมผัสพวกราวบันได ปุ่มลิฟต์ รวมไปถึงการหยิบจับสัมผัสเงินไม่ว่าจะเป็นแบบเหรียญ หรือเป็นแบบธนบัตร ผู้เขียนจะจับแล้วไม่มาสัมผัสใบหน้าเด็ดขาดเมื่อรีบกลับมาบ้านผู้เขียนจะรีบทำการล้างมือให้สะอาดทันที ดังนั้นเมื่อคุณผู้อ่านไปไหนมาไหนควรระวังในเรื่องของการสัมผัสสิ่งต่าง ๆ และควรหมั่นล้างมือเสมอเมื่อกลับถึงบ้าน อีกทั้งเราควรใส่ใจดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอเพื่อที่เราจะได้มีภูมิคุ้มกันในการต่อสู้เชื้อโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
2. หมั่นทำความสะอาดบ้าน
ช่วงนี้ผู้เขียนมักจะทำความสะอาดบ้านอยู่เป็นประจำ เนื่องจากตัวผู้เขียนเองเป็นโรคภูมิแพ้จึงต้องมีการทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ โดยการใช้น้ำยาที่เป็นแบบฆ่าเชื้อโรคมาใช้ในการถูพื้นเพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคและไวรัลต่าง ๆ ที่มากับฝุ่นได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคุณผู้อ่านก็อย่าลืมทำความสำอาดบ้านบ่อย ๆ นะคะ เพื่อที่เราจะได้ไม่เจ็บป่วยจากเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มากับฝุ่น เพราะบางทีการที่ป่วยและเป็นภูมิแพ้บ่อย ๆ อาจจะส่งผลให้เราสามารถรับเชื้อโรคและเชื้อไวรัลต่าง ๆเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
ขอบคุณภาพจาก : freepik.com URL https://bit.ly/32JItCg
3. ใช้จ่ายให้ประหยัดมากขึ้น
ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ผู้เขียนมักจะใช้จ่ายให้ประหยัดมากขึ้น เวลาจะซื้ออะไรต้องคิดแล้วคิดอีกว่า ซื้อแล้วจะใช้ได้นานไหม แล้วดีไหม ดังนั้นเมื่อเราจะซื้อของแต่ละอย่างควรคิดให้ดี ๆ และไม่ควรใช้จ่ายเกินตัวฟุ่มเฟือยจนเกินไป ซึ่งผู้เขียนมักจะประหยัดในเรื่องของอาหารการกินโดยที่จะไม่เข้าไปร้านอาหารมากนักเพราะอาหารเหล่านั้นมีราคาแพงแถมทานได้มื้อเดียว ซึ่งผู้เขียนมักจะชอบทำอาหารทานเองที่เป็นแบหม้อใหญ่และอาหารนั้นสามารถนำมาอุ่นทานได้อีก 2-3 มื้อ เรียกได้ว่าประหยัดได้มากเลยทีเดียว แต่อาหารที่ผู้เขียนทำไม่มีปัญหาเรื่องอาหารค้างคืนหรือทานไปแล้วกลับท้องเสีย เนื่องจากอาหารที่ผู้เขียนทำนั้นเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ แล้วใช้วัตดุดิบที่สดและสะอาดจึงสามารถนำมาอุ่นและทานได้หลายมื้อนั้นเอง
4. ระมัดระวังตัวเสมอเมื่อออกจากบ้าน
ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้เป็นยุคที่มีคนตกงานและคนขาดสติอยู่ตามที่สาธารณะมากที่สุด เวลาไปไหนมาไหนผู้เขียนจะไม่แต่งตัวอวดมั่งอวดมีมากเกินไป แต่จะแต่งตัวใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์มธรรมดา ๆ เพราะเป็นการพรางตัวจากผู้ไม่ประสงค์ดีว่า "เห็นเราแต่งตัวดีใส่ทองใช้ของหรูเดินเข้าห้าง" แบบนี้โจรจะคิดว่าเรารวยหรือมีเงินมาก ๆ ก็เป็นได้ จึงทำให้เกิดการโจรกรรมหรือปล้นชิงทรัพย์ได้ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเราก็เป็นได้
5. กอดงานประจำให้แน่นที่สุด
ในยุคนี้ถ้าใครมีงานประจำอยู่จงกอดให้แน่นเข้าไว้ อย่าลาออกหรือคิดจะมาทำงานอาชีพอิสระเด็ดขาด เพราะในยุคนี้ถ้าใครมีงานประจำทำถือว่าโชคดีสุด ๆ แล้ว ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็ถูกปลดออกจากงานเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและพอไปสมัครที่ไหนก็หางานยากมาก แต่ยังโชคดีที่ผู้เขียนมีประสบการณ์ในการทำงานด้านการตัดต่อวีดีโอและทำสื่อการสอนมาบ้าง เลยได้รับงานจากบริษัทหนึ่งมาทำที่บ้านเรียกได้ว่า ผู้เขียนเองก็พยายามที่จะรักษาและกอดงานประจำเอาไว้อย่างดีแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสตกงาน ดังนั้นคุณผู้อ่านควรมีทักษะในการทำงานในอาชีพอื่น ๆ ด้วย เพื่อที่เมื่อเกิดโดนไล่ออกจากงานที่ทำเราก็ยังมีงานเสริมอยู่ เรียกได้ว่า ล้มจากงานหลักแต่ก็มีงานรองเป็นหมอนรองรับ
ขอบคุณภาพปกจาก : freepik.com URL https://bit.ly/32NCTPh
จบกันไปแล้วนะคะสำหรับบทความ เคล็ดลับ การรับมือกับพิษเศรษฐกิจย่ำแย่และพิษจากเชื้อไวรัลโควิด-19 ซึ่งในยุคเศรษญกิจย่ำแย่แบบนี้เราควรมีสติและปรับตัวในเรื่องของการกินอยู่ให้มากที่สุดตัดรายจ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น และที่สำคัญใครที่คิดจะลงทุนเปิดร้านหรือทำธุรกิจในประเภทต่าง ๆ ผู้เขียนไม่แนะนำให้ทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจจะทำให้เราขาดทุน และทุนจมได้ แต่ถ้าหากมีงานประจำทำอยู่ก็ควรรักษามันไว้ให้ดีไม่ควรคิดลาออกจากงานประจำมาทำอาชีพอิสระเด็ดขาดเพราะในยุคนี้มีคนขายมากกว่าคนซื้อ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจส่วนตัวหรืออาชีพอิสระอันใฝ่ฝันเจ๊งหรือล้มไม่เป็นท่าได้ นอกจากนี้เราควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงที่สุดเพื่อเราจะได้มีภูมิคุ้มกันในการต้านทานโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี