เรื่องเล่า 'ยึดบ้าน บ้านโดนยึด'
ยึดบ้าน บ้านโดนยึด?
"บ้านที่เป็นมรดกของพ่อแม่กำลังจะโดดยึด ตอนนี้ท้อมากเลยค่ะ ทำยังไงดี"
ข้อความในกลุ่มเซ้งร้าน เซ้งกิจการ โผล่ขึ้นมาในเช้าวันนี้ ปัญหาแบบนี้มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานแล้ว ไม่เพียงยุคที่มีโรคติดต่ออย่างในตอนนี้หรอก
⚘
ภาพอดีตลอยขึ้นมาในห้วงความคิด คนที่ฝันจะมีบ้านซึ่งโดยมากก็ฝันกันทุกคน ฉันก็คือหนึ่งในนั้นเช่นกัน
บ้านสำหรับคนต่างจังหวัดอาจหมายถึงการปลูกบ้านบนที่ดินของตนเอง แต่เมื่อมาเรียน มาทำงานในกรุงเทพฯ หรือต่างถิ่น บ้านจัดสรรคือทางออก
การกู้ซื้อบ้านอาจไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากและยาวนานที่สุดคือการผ่อนบ้าน เคยสงสัยไหมเราผ่อนรถราคาล้านบาทหมดได้ใน 5 ปี แต่ถ้าเป็นบ้านล้านบาท ผ่อนกันถึง 20 ปี จริงอยู่ว่ายอดการผ่อนชำระต่างกันเป็นเท่าตัว รถล้านบาทเราต้องผ่อนเดือนละเป็นหมื่น บ้านล้านบาทผ่อนชำระห้าพันถึงหกพันแต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานถึงยี่สิบปี ยอดผ่อนต่ำลงครึ่งนึงแต่ระยะเวลาเพิ่มไปสามเท่า ไม่รู้ว่าทำไมนโยบายถึงได้ออกมาแบบนั้น แต่นี่เป็นเรื่องที่เราคงไปแก้ไขไม่ได้ เพราะเราแค่ประชาชนคนเดินดินกินข้าวแกง ไม่ใช่ผู้กำหนดนโยบาย อ้อ! แล้วคนกำหนดนโยบายก็ไม่เคยอยู่ในสภาพแบบเรา เขาจะเข้าใจหัวอกคนแบบเราได้ยังไง … ทุกเรื่องจึงดูเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่เคยถูกจุด
ยังไม่ต้องพูดถึงยอดการผ่อนชำระที่เป็นดอกมากกว่าต้นแบบเกินเท่าตัว ถ้าผ่อนปกติในปีแรกๆ ยอดห้าพันจะเป็นต้นเพียงพันกว่าบาทเท่านั้น ที่เหลือคือดอกเบี้ย คิดว่าโหดไหม โหดมากในความคิดของฉัน แต่เรื่องเหล่านี้เรามักไม่ค่อยรู้ ตอนอยากได้ก็ไม่ได้คิด เรามัวแต่ฝันค่ะว่าจะทำยังไงกับบ้านในฝันของเราดี จะแต่งตรงไหนดี จะติดม่านสีอะไร ซื้อโซฟาแบบไหนดีนะให้เข้ากับบ้านของเรา
สรุปง่ายๆ ถ้ากู้รถล้านบาท ดอกเบี้ยตอนผ่อนจบแล้วอาจจะอยู่ที่ห้าแสน แต่ถ้าเป็นบ้านล้านบาทผ่อนจบตามกำหนดเราจะต้องเสียดอกถึงล้านกว่าเชียวนะ
⚘
แล้วถ้าอยากมีบ้านจะทำยังไง วางแผน!!! คือทางเลือกที่ดีที่สุด วางแผนเก็บเงินก้อนไว้ให้มากที่สุด อย่าผ่อนตามระยะเวลาที่กำหนด ผ่อนให้มากที่สุดในแต่ละเดือน เพราะเงินที่เติมไปในยอดผ่อนจะไปตัดยอดเงินต้น ยิ่งต้นลดดอกยิ่งลด และจะดีมากถ้าเราผ่อนจบได้ในระยะเวลาไม่เกินเจ็ดปี พูดง่ายแต่ทำยากมากค่ะ ผู้เขียนก็ทำไม่ได้ เพราะในแต่ละเดือนมักมีเหตุให้ต้องใช้เงินอยู่เสมอ และเราก็ใจร้อนอยากมีบ้านโดยไม่มีเงินเก็บ บ้านสมัยนี้ซื้อง่ายมีแค่ห้าพันก็ซื้อได้ ไม่ต้องดาวน์สูงๆ เหมือนสมัยก่อน แต่จำไว้นะยิ่งดาวน์น้อยยิ่งติดกับดัก ยิ่งผ่อนนานยิ่งเสียดอก ยิ่งเหนื่อย ตอนนี้ยังดีมีประกันถ้าผู้กู้เป็นอะไรไปคนข้างหลังได้บ้านไปไม่ต้องผ่อน แต่ใครจะอยากได้แบบนั้นกัน จริงไหม?
ในโพสที่พูดถึงความกลุ้มใจเรื่องบ้านจะโดนยึดนั้นมีคนคอมเม้นท์ไว้ว่า
"บางคนเช่าบ้าน เป็นพนักงานบริษัท บริษัทปิดไม่มีค่าเช่า เกือบโดนไล่ออกจากบ้านเช่า .. ตกลงตัดสินใจ เอาค่าเช่าบ้านที่จะจ่ายค่าเช่า 3,000 ไปซื้อไก่ มะละกอ เตาถ่าน ทำส้มตำไก่ย่าง+ทำอาหารตามสั่ง เดินบอกคนในหมู่บ้าน อาทิตย์แรกขายได้ 500 อาทิตย์ที่ 2 ขายได้ 1,000 นึง หักค่าใช้จ่ายแล้ว ไม่ท้อ! ขายทุกวันปากต่อปาก บวกคนโพสช่วยอุดหนุน ตำตามใจลูกค้า ไก่ย่างหมักอร่อย ทำตามยูทูป ทุกวันนี้ (สิ้นเดือนเมษา) รู้ไหมผู้หญิงคนนั้นมีเงินเก็บเท่าไหร่ ช่วง โควิด-19 ที่เธอขายตั้งแต่ 20 มีนาคมมา ตอนบริษัทปิด เธอขายและเก็บเงินได้ 35,000 บาท กำไรนะ!!! เธอบอกว่าไม่กลับไปทำงานโรงงานละ ทำโรงงานเธอได้รวมทั้งเดือน+โอ 22,000 ต้องตื่นตี 5 รอรถบัสไปรง. เธอ จบป.ตรี แรกๆ เธอ อายไม่กล้าขาย แต่เพื่อความอยู่รอดต้องทำ ทำแล้วรุ่ง จากแรกๆ ได้ 500 -1,000 บาท มีคนกินมาแนะนำ ทำแบบนั้นสิ แบนี้สิ ก็ทำ คนมีตังค์ ถ้าติดรสชาด แพงก็ยอมจ่าย เดิม ส้มตำถุงละ 30 บาท ไก่ไม้ 10-30 มีคนแนะให้ ขาย ไก่ไม้ 60 ทำใหญ่ๆ เลย ส้มตำ 60 ใส่ทุกอย่าง 80 คอมโบเลย // นี่ละครับ ไม่เลือกงานไม่ยากจน อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา...#ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ"
⚘
ทุกคนมีวิถี มีวิธีคิดและความชำนาญแตกต่างกัน ไม่จำเป็นต้องไปขายส้มตำไก่ย่างกันทุกคน แค่อยากจะบอกว่าตั้งสติ หาสิ่งที่เราพอจะทำได้ เราเห็นไหม! บางคนเย็บหน้ากากผ้าขาย เย็บไม่เป็นก็รับเขามาขาย บางคนหาของมาขายตามกระแส หมั่นโพส หมั่นหาวิธีขาย เพื่อนช่วยเพื่อนกันอยู่แล้ว โพสขายไปยังไงก็มีคนช่วยซื้อ แล้วค่อยๆ ศึกษาหาวิธีขยายตลาดให้ขายได้กว้างขึ้น เชื่อว่าคงเป็นทางออกที่ดีได้ ขอเพียงขยัน ตั้งใจ รายได้มีมาแน่นอน
⚘
… ความลำบากหล่อหลอมคนให้กล้าแกร่ง …
เมื่อถึงวันที่ลุกขึ้นยืนได้อย่างภาคภูมิแล้ว อย่าลืมหันกลับไปช่วยคนที่กำลังลำบากบ้าง เพื่อให้ทุกคนได้ปลดแอกให้ชีวิตตัวเองได้แบบเรา ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้นะคะ
อักษราลัย
๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓