ศาลาผีรถสิบล้อนั่งร้องไห้ เรื่องเล่าขนหัวลุก
อาทิตย์นี้กลับมาพบบทความดี ๆ ซึ่งแน่นอนว่าทางเรานั้นมีเรื่องขนหัวลุกมาฝากคุณผู้อ่านกันอีกเช่นเคย วันนี้ขอเล่าในส่วนของถนนสายเอเซียในพื้นที่สาย (ชะอวด-พัทลุง-หาดใหญ่) ผ่านคำบอกเล่าของผู้คนที่เคยใช้ถนนเส้นนี้ในการเดินทางเมื่อหลายปีก่อน
เมื่อช่วงเดือนสิบที่ผ่านมา ดิฉันกลับบ้านที่พัทลุงตามประเพณีปฏิบัติของลูกหลานชาวใต้ เพื่อไปทำบุญส่งตา-ยายที่บ้าน สำหรับคนใต้ในช่วงสารทเดือน10นั้น ก็เหมือนวันพบญาติกลาย ๆ พอเจอกัน ได้รวมญาติกันก็มีเรื่องราวให้ต้องคุยกันมากมายและก็รวมถึงเรื่องผีสางด้วย เพราะเรื่องส่งตา-ยาย ก็เกี่ยวกับผีสางเลยไม่แคล้วที่จะวกไปคุยเรื่องนั้นกันส่วนตัวของดิฉันเองนั้น ญาติๆ รู้อยู่แล้วว่าดิฉันสัมผัสอะไรแบบนั้นได้ เขาเลยไม่ค่อยมาเซ้าซี้ถามเรื่องผีกับดิฉันมากนัก พี่จิน บ้านแกอยู่ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เอาจริง ๆ ก็ไม่ไกลจากบ้านดิฉันเท่าไหร่ เพราะแค่ข้ามคลองไป ก็เป็นดินแดนนครแล้ว พี่จินอายุเกือบๆ30 แกทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งนึงในหาดใหญ่ แกมีคู่หูคือ พี่บ่าว ก็ไปทำงานโรงงานเดียวกันสำคัญคือทั้งคู่เนี่ยชอบการขับมอเตอร์ไซค์มาก พี่จินขี่เวฟ พี่บ่าวขี่ฟีโน่ ซึ่งเรื่องแรกที่จะเล่าต่อไปนี้
เรื่องศาลาขาวข้างทาง พี่จินเล่าว่า วันนั้นฝนพรำ ๆ ทั้งวันเป็นเย็นวันอาทิตย์ พี่จินกับพี่บ่าวก็ออกจากชะอวดตอนเกือบ ๆ ทุ่ม จะลงไปสงขลา เพื่อทำงานในวันจันทร์ ฝนไม่ได้ตกหนักนะแต่ตกเรื่อย ๆ พี่แกก็ขับแบบเรื่อย ๆ ตามกันไปไม่รีบร้อนเพราะถนนลื่น และรถใหญ่เยอะพอเลย 4 แยกนาโหนดไปสักพัก ก็เข้าสู่ทางค่อนข้างเปลี่ยวแล้วฝนเทหนักลงมาหนักชนิดที่ว่าทั้งลมทั้งความแรงของเม็ดฝน ทำพี่จินเกิดอาการตัวรถโบกส่ายตามแรงปะทะ จนต้องลดความเร็วลงพี่จินจำไม่ได้ว่าตรงนั้นเขาเรียกว่าอะไร แต่พอเลยโค้งไปจะเป็นทางตรงแต่ไม่มีบ้านคนเลย และเพราะพายุฝนที่ลงหนักจนรถเซ พี่จินเลยชะลอรถให้พี่บ่าวขับมาจอดเทียบ พี่จินแกเห็นศาลาข้างทางสีขาวลางๆ ในความมืดเปลี่ยว แกเลยชวนพี่บ่าวเข้าไปหลบพายุฝนให้เบาลงก่อนดีกว่า
ทั้ง 2 ก็เลยพากันขับเข้าไปจอดพี่จินว่าศาลาหลังนั้น ดูสวยงามผิดแปลกศาลาข้างทางทั่วไป ที่มักจะเป็นหลังคาสังกะสีเหลือง ๆ อันนี้ดูลักษณะเป็นศาลาหน้าจั่วทรงไทย สีขาวนวล (ใครไปสงขลาจากพัทลุงขาลง คงเคยเห็น) แกก็พากันจอดรถ แล้วไปนั่งหลบฝนกันนั่งสูบบุหรี่แก้หนาวกันอยู่มืด ๆ นั่นแหละ รถบนถนนก็วิ่งผ่านไปมาก็นั่งกันอยู่2คน ก็นั่งคุยกันเบา ๆ นะ ฝนก็เทกระหน่ำหนักไม่หยุดเลยตอนนั้น ทั้งฝนทั้งลม ก็นั่งหนาวกันไป พอผ่านไปสัก15นาทีได้ มัวแต่นั่งคุยกันเพลิน อยู่ๆพี่บ่าวแกก็สะกิดบอกพี่จินเบา ๆ ว่า “จินๆ นั้นใครมานั่งตอนไหนวะ” จังหวะนั้นพี่จินที่กำลังหันหลังอยู่ ก็เลยหันไปมอง แกว่าก็เห็นใครไม่รู้มานั่งเงาดำตะคุ่มยู่อีกมุมนึงของศาลา ศาลามันก็กว้างพอตัวแกว่าแกก็ชะงักนะ เพราะตกใจจำได้ว่าตอนเข้ามาจอด ไม่เห็นว่ามีใครนั่งอยู่ แล้วอยู่ ๆ โผล่มาจากไหนโดยที่พวกแกไม่รู้ตัว หรือว่าเดินมา ก็ไม่น่าใช่ ทางมันมืดแล้วเปลี่ยวมาก ไม่มีบ้านคนเลยแถวนั้น พี่จินเลยได้แต่ตะโกนทักไปว่า “มาแต่ไหนเล่ามานั่งด้วยกันต่ะ สูบยาสูบแก้หนาวด้วยกันหม้าย”
ก็ไม่มีเสียงตอบมาแกสองคนก็นั่งมองไม่วางตาเหมือนกัน แกว่าเงาที่นั่งนั้นดูยังไง ยังไงก็ร่างคนชายแน่ ๆ แกกับพี่บ่าวก็นั่งกระซิบกระซาบกันแหละว่า ใครวะ ฃมาตอนไหนจะเข้าไปใกล้ ๆ ก็กลัว เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร แกมากันสองคนก็จริง แต่ไม่ได้มีอาวุธอะไรติดตัว นอกจากกุญแจล็อคล้อมอไซค์ที่พอจะใช้ฟาดได้บ้าง สักพักนั้นงาคนที่ว่า ก็เริ่มส่งเสียงนะ แบบได้ยินกันทั้งคู่เลย เป็นเสียงร้องไห้โหยหวนเลยมันร้องประมาณนี้ ฮืออออออออ หึด ฮืออออออออออออ เฮออออออ แข่งกับสายฝนเสียงผู้ชายชัด ๆ เลย พี่บ่าวก็ใจกล้าตะโกนถามเลยเป็นภาษาใต้ "ร้องไซรหล๊าวเติ้ล" ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
ทีนี้มีรถสิบล้อคันนึง วิ่งสาดไฟเข้ามาจอด พี่บ่าวกับพี่จินก็ละสายตาหันไปมองพอเข้ามาจอด คนบนรถลงมาก็มากันสองคน พอพี่บ่าวหันไปมองตรงจุดที่มีคนนั่งร้องไห้เมื่อกี๊ ก็ไม่มีใครแล้ว ส่วนคนสิบล้อพอเห็นพี่บ่าวกับพี่จินนั่งสูบบุหรี่ ก็เข้ามาคุยมาขอบุหรี่สูบ (คือคนใต้จะมีความพิเศษอยู่อย่างนึงในหมู่ลูกผู้ชาย คือ ต่อให้ไม่รู้จักกัน ถ้าแหลงใต้มาคุยมาทักมาขอบุหรี่นี้ มิตรภาพเกิดทันทีเลย คุยกันได้หน้าตาเฉยเหมือนรู้จักกันแบบนั้นแหละ) พี่จินกับพี่บ่าวเลยได้สองบ่าวรถสิบล้อเป็นเพื่อนคุยพอคุย ๆ กัน พี่จินแกก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อกี๊มีคนนั่งตรงนี้คนนึง(แกชี้ไปตรงมุมเสานั้นแหละ) แต่พอพวกสิบล้อเข้ามาหายไปไหนไม่รู้ ไวจริง ๆ เมื่อกี้ยังนั่งร้องไห้อยู่เลย พอพวกสิบล้อได้รู้ ก็แบบห๊า!! ไป ๆ ไปกันเถอะโดนแล้วนั่นเติ้ล 2 คน ก็ว่าจะมานั่งพักสักแปปหาที่อื่นนั่งดีกว่า พี่จินก็งงสิ ถามไปว่าโดนอะไร พวกสิบล้อก็ว่าศาลานี้ เคยมีสิบล้อเข้ามาจอดนอนพักพอตอนเช้ามีคนมาเจอคนขับโดนยิงตาย มีแต่พวกสิบล้อลือกันว่าเจอผีสิบล้อที่ตายอยู่ศาลานี้ เขาไม่เชื่อเพราะไม่เคยเจอ เลยจะเข้ามานั่งพัก พอมารู้จากพี่จิน ว่าพึ่งเห็นคนมานั่งร้องไห้ พวกสิบล้อนั้นก็เลยพากันขึ้นรถขับออกไปเลย คงเพราะกลัว
พี่จินกับพี่บ่าว พอเห็นสิบล้อสองคนรีบออกรถก็กลัวไปด้วย ว่าใช่แน่ ๆ เลยรีบใส่เสื้อกันฝนแล้วรีบพากันบิดรถออกมาเลย ทั้ง ๆ ที่ฝันยังตกหนักนั่นแหละ แกไม่กล้ารอแล้ว เลยพากันไปนั่งศาลาถัดไปแทน ทุกวันนี้ หากใครเดินทางขับรถไปสงขลาจากพัทลุง สังเกตซ้ายมือดี ๆ เมื่อผ่านสี่แยกนาโหนดไปแล้วจะเจอศาลาสีขาวที่ว่าอยู่ เชิญไปนั่งพักกันได้ตามสะดวกเลย แต่กลางคืนจะเปลี่ยวและมืดมาก ๆ น่ากลัวที่สุด
อ้างอิงจาก: คนเล่าเรื่องผี