มาร์ค กับความรักของเขา (ภาคต่อจากเจส)
'มาร์ค' กับความรักของเขา
เสียงทุบประตูรัวๆ นั่น ทำให้มาร์ครู้สึกตัว พลิกกายหันกลับมามองที่ประตู ด้วยอาการสะลึมสะลือ ความรู้สึกเวียนหัวพุ่งขึ้นมาทันทีที่รู้สึกตัว นี่เราเมาจนหลับไปอีกแล้วหรือเนี่ย
เสียงทุบประตูยังคงดังต่อเนื่อง จนมาร์คจำใจต้องลุกไปเปิดประตูเพราะทนความรำคาญจากเสียงทุบรัวๆ นั้นไม่ได้
ไมเคิลนั่นเองที่มาทุบประตูเรียก
"มาร์ค แกยังเมาไม่เลิกอีกเหรอ หลายเดือนแล้วนะเว้ยที่เจสเขาไป"
"เรื่องของฉัน แกมาทำไม มีธุระอะไร?"
"ก็เรื่องสมัครงานใหม่ของแกไง วันนี้แกต้องสัมภาษณ์งานไม่ใช่เหรอ"
"เออ ใช่ จริงด้วย .. รอเดี๋ยวนะ ขอไปอาบน้ำแปบเดียว"
"โกนหนวดเคราซะด้วยหล่ะ อะไรกันปล่อยตัวซะหนวดเฟิ้มเลย เดี๋ยวจะพลอยเสียชื่อคนฝากงานอย่างฉันนะเว้ย" ไมเคิลตะโกนไล่หลังไป ขณะที่มาร์คผลุบหายเข้าประตูห้องน้ำไปแล้ว
.... 8 เดือนก่อนหน้านั้น ....
'มาร์ค' หนุ่มหล่ออนาคตไกล เขาขึ้นรถเมล์คันเดียวกันกับสาวสวยคนนึงมาหลายวันแล้ว มาร์คย้ายมาจากต่างเมือง เมื่อไมเคิลเพื่อนรักชวนเขาให้มารับตำแหน่งผู้จัดการในบริษัทฯ ของเพื่อนไมเคิล เขารีบตกลงทันที เพราะหลงรักเมืองนี้อยู่ก่อนแล้ว
มาร์คเคยมาเที่ยวเมืองนี้ 2-3 ครั้ง ครั้งแรกในงานแต่งงานของไมเคิล เมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ ผู้คนอยู่กันไม่มาก เป็นชุมชนน่ารักที่ทุกคนรู้จักกันหมด แม้จะดูเหมือนต่างคนต่างอยู่ แต่เมื่อมีใครเกิด แต่งงาน หรือเสียชีวิต ทุกคนพร้อมที่จะดูแลกันอย่างดีทีเดียว นี่คือเมืองในฝันของมาร์คเลย
วันที่เขาย้ายมาและเริ่มงานวันแรก เธอยืนอยู่ตรงนั้น อีกด้านของป้ายรถเมล์แห่งนี้ ท่ามกลางแดดยามเช้าที่อบอุ่น นกตัวน้อยๆ 2-3 ตัว กระโดดโลดเต้นส่งเสียงร้องเบาๆ ราวกับร้องเพลงอยู่บนกิ่งไม้นั้น กระรอกหางพวงสวยอีกตัวไต่ไปมาตามต้นไม้ฝั่งตรงข้าม ทุกอย่างดูดีดูรื่นรมย์ไปหมด เว้นเสียแต่เธอคนนั้น... เธอ ผู้ซึ่งไม่เคยมองเขาเลย
หลังผ่านไปอาทิตย์นึง มาร์คทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเฝ้าแอบมองเธอทุกวัน เพียรพยายามรอการหันกลับมาเจอเขาสักนิด รอยยิ้มที่เตรียมไว้เพื่อมอบให้เธอไม่เคยเกิดขึ้น เขาขยับเข้าใกล้เธอได้แค่ตอนก้าวขึ้นบนรถเมล์เท่านั้น
มาร์คตัดสินใจเล่าให้ไมเคิลฟัง ไมเคิลบอกว่าเรื่องเล็ก รับรองมาร์คจะได้รู้จักหญิงสาวในฝันแน่ๆ พรุ่งนี้ให้เล่นไปตามน้ำที่เขาทำละกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นมาร์คมารอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์เดิมด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ไมเคิลจะทำยังไงนะ เขายังคงแอบมองหญิงสาวเหมือนเดิม หญิงสาวเองก็ยังคงอยู่กับเพลงของเธอ ไม่รับรู้การมีตัวตนของเขาอยู่เช่นเดิม
เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปบนรถได้สักพัก มาร์คก็เหลือบไปเห็นไมเคิลวิ่งตามอยู่ข้างรถ เขาจึงกดปุ่มหยุดรถเพื่อให้ไมเคิลขึ้นมาบนรถ เมื่อไมเคิลขึ้นมาบนรถ ก็แสดงกิริยาหยาบคาย และลวนลามหญิงสาว มาร์ครู้แล้วว่าเขาต้องทำยังไง แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน
มาร์คได้รู้จักเธอจริงๆ เธอชื่อ 'เจส' ทำงานแกลเลอรี่อาร์ตในเมือง ความสัมพันธ์ของพวกเขาคืบหน้าไปมากทีเดียว พวกเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดี มาร์คกับเจสเหมือนเสี้ยวของวงกลมที่หากันจนเจอ คลิ๊กประสานลงตัวเป็นวงกลมที่สนิทแนบ มาร์คตัดสินใจขอเจสแต่งงานอย่างไม่อยากรออะไรอีก เวลาระยะสั้นที่พวกเขาคบกันไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทั้งคู่เข้ากันได้อย่างนี้ คุยกันได้ทุกเรื่อง จึงไม่แปลกที่เจสตอบตกลง
'เจส' เป็นสาวกำพร้า พ่อแม่เสียชีวิตในอุบัติเหตุ หลังจากที่พวกเขาย้ายมาอยู่เมืองนี้ได้ปีเดียว เจสจึงไม่มีใครที่ไหนนอกจากเพี่อนๆ จากบ้านอุปถัมภ์
มาร์คพาเจสไปพบพ่อแม่ ไม่มีปัญหาพวกเขารักเจสและเข้ากันได้เป็นอย่างดี และตื่นเต้นที่จะได้เจส สาวน้อยน่ารักคนนี้มาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว
วันนี้มาร์คจะพาเจสมาพบกับเพื่อนสนิทของเขา
โอว .. ไมเคิล เพื่อนสนิทของเขา เขาลืมไปเลยว่าไมเคิลเคยช่วยให้เขารู้จักกับเจส แต่ก็ไม่น่าเป็นอะไรนี่นะ มาร์คคิดเช่นนั้น เพราะเจตนาของเหตุการณ์วันนั้นคือเขาอยากรู้จักเจส เจสน่าจะเข้าใจและอาจเห็นเป็นเรื่องตลกก็ได้
มาร์คเข้าใจผิด ไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับเจส เมื่อเจสได้พบไมเคิล เจสเดาเรื่องทั้งหมดได้ในทันที นี่มันคืออะไรกัน เจสเสียใจมาก
เจสพูดด้วยน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลรินลงมาข้างแก้ม "นี่ ทุกอย่างคือเรื่องล้อเล่นอย่างงั้นเหรอ"
"ไม่ใช่นะเจส ได้โปรดฟังผมก่อน"
เจสหันหลังกลับเดินจากไปด้วยน้ำตานองหน้า หลังจากวันนั้นไม่ว่ามาร์คจะเพียรพยายามติดต่อเธออย่างไร เจสก็ไม่เปิดโอกาสให้มาร์คอีกเลย
หน้าอพาร์ทเมนท์ของเจส มาร์คยืนอยู่หน้าประตู เอ่ยปากเรียก
"เจส เปิดประตูหน่อย คุณไม่รับโทรศัพท์ผมมาทั้งอาทิตย์แล้วนะ งานคุณก็ไม่ไปทำ คุณเป็นยังไงบ้าง ผมเป็นห่วงคุณนะเจส"
ผู้หญิงสูงวัยเจ้าของอพาร์ทเมนท์เดินมาหามาร์ค "ไม่ต้องเรียกหรอกมาร์ค เจส เธอไปแล้วละ เธอย้ายไปเมื่อวานนี้เอง เธอฝากจดหมายนี้ใว้ให้คุณ"
มาร์ครับจดหมายมาด้วยมือสั่นเทา สีหน้าเจ็บปวด เขาค่อยๆ คลี่จดหมายออก กลั้นหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงอ่านจดหมายของเจส
"มาร์ค ที่รัก
ถ้าคุณได้จดหมายฉบับนี้ แปลว่าฉันได้จากคุณไปแล้ว และคงเป็นการจากกันตลอดกาล
โปรดอย่าเข้าใจผิด ฉันรักคุณนะ รักมาก แต่ฉันทนความรู้สึกถูกหลอกลวงเช่นนี้ไม่ได้ ฉันไม่รู้เลยว่ารักของคุณนั้นจริงหรือหลอก คุณทำเหมือนฉันเป็นคนโง่คุณควรบอกความจริงกับฉันนานแล้ว และถ้าคุณบอกฉันเราคงนั่งหัวเราะกัน ฉันคงเห็นเป็นเรื่องขำ แต่เมื่อเราตกลงใจจะแต่งงานกัน แล้วฉันเพิ่งได้รู้ความจริง ความรู้สึกทุกอย่างมันต่างไปค่ะ
ไม่ต้องพยายามหาฉันนะคะ ...
ฉันขอเก็บคุณไว้ในใจของฉัน ฉันยังคงรักคุณเหมือนเดิม แต่ฉันไม่อาจทนพบ หรือเห็นหน้าคุณได้อีก ฉันทนความรู้สึกเหมือนโดนหักหลังแบบนี้ไม่ได้ ฉันยอมเปิดใจให้คุณเข้ามาในโลกของฉัน แต่คุณได้ทำลายความเชื่อใจของฉันไปหมดสิ้น ฉันจะทนมองหน้าคุณได้ยังไง
รักคุณค่ะ ลาก่อน
เจส"
มาร์คปล่อยกระดาษร่วงหลุดจากมือ กระดาษปลิวไปตามระเบียงด้วยแรงลม ไม่ต่างอะไรกับใจของเขาที่หลุดลอยไป นี่เขาทำอะไรลงไป ไม่มีแม้โอกาสจะแก้ตัว เจส ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้ ไม่นะ ... คุณทิ้งผมไปแบบนี้ไม่ได้นะ
เช้าวันที่อากาศยังคงแจ่มใส ที่ป้ายรถเมล์แห่งเดิม ด้านซ้ายมือของป้ายมีหญิงสาวสวยน่ารัก ผมยาวสีทองปลิวไสวล้อเล่นกับสายลม หญิงสาวแอบมองชายหนุ่มที่ยืนรอรถอยู่อีกด้าน ชายหนุ่มคนนั้นใส่สูท หน้าตาดี แววตาเศร้าหมอง มองตรงไปตรงหน้า ใส่หูฟัง เหมือนอยู่ในภวังค์ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
ชายหนุ่มคนนั้นคงอยู่แต่กับเสียงเพลงจากหูฟัง เคาะมือเบาๆ ตามจังหวะเสียงเพลงกับแก้วกาแฟในมือเท่านั้น
หญิงสาวได้แต่แอบมองชายหนุ่ม เขาเป็นใครนะ ทำไมเขาไม่สนใจใครเลย ทำอย่างกับโลกนี้มีเขาเพียงคนเดียวอย่างงั้นแหล่ะ เอ๊ะที่สูทมีป้ายชื่อกลัดอยู่นี่ อ๋อ! เขาชื่อ "มาร์ค"
อักษราลัย
Edit : 2 เมษายน 2563
fb.me/gooddaywithcandy