5 วิธีในการเลือกหน้าจอคอมให้ได้คุณภาพที่คุณไม่ควรพลาด
ต้องยอมรับเลยว่าในทุกวันนี้คอมพิวเตอร์ได้กลายมาเป็นส่วนที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการทำงานก็ใครหลาย ๆ ไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็ก หรือองค์กรใหญ่ก็ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานด้วยกันทั้งนั้น ทำให้วัน ๆ หนึ่งคนที่ทำงานส่วนใหญ่ในออฟฟิศต้องนั่งจ้องกับหน้าจอคอมเพื่อที่จะทำงานหลายชั่วโมง หากหน้าจอคอมไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการทำงานมันก็อาจจะส่งผลเสียต่องานได้ เพราะหน้าจอคอมมีหน้าที่ต้องแสดงข้อมูลต่าง ๆ ในการทำงานออกมาให้เราได้รับรู้ หากหน้าจอคอมมีปัญหา อย่างเช่น หน้าจอแสดงสีออกมาเพี้ยนทำให้อ่านหรือเห็นข้อมูลต่าง ๆ ไม่ชัดเจนก็อาจที่จะส่งผลเสียต่องานได้ ดังนั้นการเลือกหน้าจอคอมที่มีคุณภาพจึงสำคัญมาก ๆ และไม่ควรที่จะละเลยค่ะ ซึ่งการจะเลือกหน้าจอคอมให้ได้ดีและมีประสิทธิภาพนั้นก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
5 วิธีในการเลือกหน้าจอคอมให้ได้คุณภาพที่คุณไม่ควรพลาด
1.ขนาดหน้าจอ และความละเอียดภาพ
คนที่กำลังมองหาจอมอนิเตอร์มาใช้ ส่วนมากจะเลือกขนาดจอใหญ่เป็นอันดับแรก ทำให้ตอบสนองการทำงาน ดูหนัง หรือเล่นเกมที่ได้อรรถรสยิ่งขึ้น หากใช้งานครบเครื่องขนาดนี้ แนะนำว่าให้ซื้อขนาด 20 นิ้วขึ้นไปกำลังดีค่ะ สำหรับขนาดที่ได้รับความนิยมจะอยู่ที่ประมาณ 19-24 นิ้ว แล้วแต่ความชอบส่วนตัว และความเหมาะสมในการใช้งาน ส่วนความละเอียดของภาพสมัยนี้ก็ต้องเลือกแบบ 1920×1080 หรือ Full HD เพื่อรับชมภาพที่คมชัด และสวยงามได้อย่างเต็มตาค่ะ
2.ค่า Response Time และ Refresh Rate
ในส่วนของค่า Response Time หมายถึง ค่าความเร็วในการเปลี่ยนเม็ดพิกเซล ดังนั้นค่าความเร็วตรงนี้จึงส่งผลไปกับ “ภาพเคลื่อนไหว” ถ้าค่า Response Time ต่ำ ๆ ก็จะยิ่งทำให้เห็นภาพเคลื่อนไหวของวัตถุที่มีการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
Refresh Rate หรือเรียกกันว่า อัตราการกะพริบของหน้าจอ ถ้าค่านี้ยิ่งสูงก็ถือว่ายิ่งดีค่ะ ช่วยทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ภาพจะนิ่ง โดยปกติถ้าใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน ทำเอกสาร พิมพ์งานทั่ว ๆ
แต่สำหรับเหล่าเกมเมอร์ โดยเฉพาะคนที่เล่นเกมแนว FPS (First Person Shooter) ต้องเน้นเรื่องความคมชัด และภาพหน้าจอที่มีความนิ่งสูง ก็ต้องเลือกหน้าจอมอนิเตอร์ที่มีค่า Refresh Rate สูงขึ้นไปอีก ซึ่งหน้าจอรุ่นท็อปบางรุ่นสามารถปรับค่านี้ได้สูงถึง 144 Hz กันเลยทีเดียว
3.ลักษณะ Panel ของจอ
ปัจจุบันอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตัวนี้จะมี Panel ที่ใช้หลัก ๆ อยู่ 3 แบบด้วยกัน คือ IPS, VA และ TN แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ Panel แบบ IPS ค่ะ เนื่องจาก Panel นี้มีข้อดีคือ ให้มุมมองกว้างถึง 178 องศา (Viewing Angle 178°/178° ทั้งในมุมแนวนอนและแนวตั้ง) ไม่ว่าจะมองหน้าจอจากมุมไหนก็จะได้ภาพที่ชัดเจน สีสดสวย สบายตา อัตราส่วนภาพไม่ผิด สีไม่เพี้ยน จึงกลายเป็นที่นิยมในตลาดอย่างมาก
สำหรับ Panel แบบ VA (Vertical Alignment) จุดเด่นที่ดีที่สุด คือ ให้สีดำที่ดำสนิทมากกว่าแบบอื่น แต่จะมีข้อเสียในเรื่องของมุมมอง จะไม่กว้างเท่าแบบ IPS เช่น ในฉากที่มีความมืด ถ้าไม่ได้นั่งอยู่ตรงกลางจอ ก็จะไม่สามารถเห็นรายละเอียดในหน้าจอได้ชัดเจนนัก
แบบสุดท้าย คือ TN (Twisted Nematic) ข้อดีคือ ราคาถูก และมีค่า Response Time ต่ำ จึงเป็นที่นิยมในหมู่คนที่ชอบของราคาไม่แพงมากนัก ซึ่งใช้ได้ดีพอควร ภาพไม่กระตุก แต่ Panel แบบนี้จะมีมุมมองการชมแคบ อัตราการผิดเพี้ยนของสีสูงด้วยค่ะ
4.พอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ (Connectivity Interface)
จอมอนิเตอร์ส่วนใหญ่จะมาพร้อมพอร์ต VGA และ DVI ซึ่งแบบหลังจะเป็นการเชื่อมต่อแบบ Digital จึงทำให้ได้ภาพที่สวย และคุณภาพดีกว่า สำหรับพอร์ต VGA นั้นจะเป็นพอร์ตแบบเก่า ใช้กันมากในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน้ตบุ๊ก อย่างไรก็ดี เวลาเลือกหน้าจอมอนิเตอร์ ควรเลือกรุ่นที่มีพอร์ตทั้ง 2 แบบนี้อยู่ในเครื่องด้วยนะคะ เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่ออย่างครบครันนั่นเอง
5.ฟีเจอร์ และฟังก์ชั่นพิเศษอื่น ๆ
สำหรับฟังก์ชั่นพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น Touch Screen, Webcam หรือ 3D เป็นต้น ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ ถ้าคิดว่าไม่ได้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกหน้าจอมอนิเตอร์ที่มีฟังก์ชั่นเหล่านี้เพิ่มเติม เพราะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งคุณอาจจะใช้งานได้ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปค่ะ
แหละไม่ว่าคุณจะชอบหรือจะเลือกหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบไหนอีกสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรละเลยคือการดูแลสุขภาพดวงตาของคุณในระหว่างใช้งานคอมพิวเตอร์ ควรหาวิธีป้องกันไม่ให้สายตาโดนแสงจากหน้าจอคอมโดยตรงเพราะอาจจะส่งผลเสียต่อสายตาของคุณได้ ควรหาแว่นกรองแสงมาใส่หรือเอาต้นกระบองเพชรมาวางตรงหน้าจอเพื่อให้ช่วยลดแสงที่จะส่งมาถึงสายตาโดยตรง หรืออาจจะติดตั้งฟิล์มกรองเเสงก็ได้ค่ะ