บนบานศาลกล่าว
บนบานศาลกล่าว
"ให้ตั้งเวทีลิเก หันไปทางนี้เหรอครับ แล้วไหนคนดูครับ"
ขับรถผ่านนาข้าวออกรวง ล้อลมไสว แม้จะเป็นพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ อย่างฉะเชิงเทรา ทำให้ฉันอดคิดถึงลุงโสภณขึ้นมาไม่ได้ ลุงโสภณกับที่นาแปลงนั้น ที่นาที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะขายได้
☆.。.:*・°☆.。.:*・°☆
ลุงโสภณอาศัยอยู่ในเคหะบ้านโพธิ์ ขายของชำเล็กๆ น้อยๆ อยู่กันสองสามีภรรยา ได้รับคำแนะนำมาจากเพื่อนว่าอยากขายที่ดิน บริเวณหลังโรงพยาบาลพุทธโสธร และขนส่งจังหวัด
ที่ดินที่ขายเป็นที่นา ให้คนเช่า ประมาณ 14 ไร่ ซ้ายขวาก็เป็นนาข้าว ตรงข้ามเป็นบ้านคน มองทำเลแล้ว อึ้งไปเล็กน้อย คิดในใจว่าจะมีคนสนใจไหมนะ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ปกติเวลารับบ้าน รับที่ดินมาขาย จะจูดธูปไหว้เจ้าที่ เพื่อบอกกล่าว และขออนุญาตขาย เสมือนจะบอกกล่าวผู้หลักผู้ใหญ่ให้รับรู้ว่ามาทำไม เพื่ออะไร กล่าวคำอธิฐานเสร็จแล้ว กำลังจะลงไปปักธูป อ้น (สามี) อาสาว่าเดี๋ยวลงไปปักธูปให้ จะได้ถ่ายรูปด้วย
อ้นเดินลงไปในนาเพื่อปักธูป และถ่ายรูปสำหรับใช้ในการนำมาทำโฆษณา หายไปนานมาก นึกว่าถ่ายรูปเพลินตามประสาช่างภาพที่เห็นอะไรก็มักจะจอดรถแวะถ่ายรูปอยู่เสมอ รออยู่พักใหญ่ๆ อ้นเดินกลับมาพร้อมกับเดินมาบอกว่า เขาปักธูปให้แล้ว และบนเจ้าที่ไว้ว่าถ้าขายได้ จะเอาลิเกมาเล่นให้ดู
☆.。.:*・°☆.。.:*・°☆
"บนลิเกเนี่ยนะ" ฉันถามกลับไปด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ยอมรับว่าไม่ได้คาดหวังว่าจะขายได้ เลยเฉยๆ
ทำการตลาดไปได้ไม่ถึงเดือนมีคนติดต่อมาสอบถามตำแหน่งที่ชัดเจนของที่ดินว่าแนวเขตจากตรงไหนถึงตรงไหน เลยนัดชี้แนวเขตที่ดินกัน ปรากฏว่าคนที่สนใจคือบ้านหลังที่อยู่ตรงข้ามกับที่นา
ชี้แนวเขตแล้ว ก็หันไปไหว้ศาลก่อนกลับ พร้อมกับอธิฐานขอให้ขายได้พร้อมกับยืนยันว่าถ้าขายได้จะเอาลิเกมาเล่นให้ดู
เจรจาตกลงซื้อขายกันอยู่พอสมควร เรื่องราคา กว่าจะเรียบร้อย ลุงโสภณมีความเสียดายที่ดิน แต่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เพราะลูกอยากได้เงิน
เมื่อถึงวันนัดโอน ลองสอบถามผู้ซื้อถึงเหตุผลในการซื้อดู ว่าต้องการซื้อเพราะอะไร เขาบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน คงซื้อเก็บไว้ก่อน ยังไม่มีแพลนจะทำอะไร ซื้อที่นาเก็บไว้ก่อนในราคา 7 ล้าน ไม่กู้ธนาคารด้วย ไม่ธรรมดานะเนี่ย แอบคิดหรือเจ้าที่จะดลใจให้ซื้อ ท่านคงอยากดูลิเก
หลังโอนผ่านไป 1 อาทิตย์ พยายามติดต่อหาลิเก ที่คิดว่าไม่น่ายาก จริงๆ แล้วยากมาก แถมหาไม่ได้ด้วย ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกลุงโสภณว่าต้องการหาลิเกไปเล่นตรงที่นาที่ขาย เพราะบนไว้ ลุงก็ติดต่อช่วยหามาให้ในที่สุด
นัดกับลิเก 9 โมงเช้า ตรงแถวๆ ที่นา พอบอกให้ตั้งเวที ลิเกงงมาก ถามหาคนดู เราสองคนก็หัวเราะ แล้วบอกไปว่าก็เรานี่แหล่ะ ลิเกถามอีกอยากดูเรื่องอะไร เราสองคนก็บอกเล่นเรื่องอะไรก็ได้ ดูได้หมด คณะลิเกบอกครั้งแรกเลยที่เล่นตอนเช้า แถมเป็นข้างถนนด้วย แต่ก็มีสปิริตดีแต่งตัวเต็มที่เครื่องประดับเต็มยศ สวยงาม ลิเกเลือกเล่นเรื่องจันทโครพ เล่นสนุก เราสองคนก็ได้ดูลิเกกันสนุกเลย ดูไปขำไป พอจบก็ไปจุดธูปบอกกล่าวและลา รู้สึกขนลุกขึ้นมาเฉยๆ
☆.。.:*・°☆.。.:*・°☆
จากที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ กลับขายได้ เร็วซะด้วย ไม่ลืมสัญญาของคำบนบาน แม้จะยากขนาดไหนก็ตาม ไม่แน่ใจว่าขายได้เพราะอะไร แต่ในเมื่อขายได้ก็ต้องจัดหามาให้จนได้
ไม่แน่เสมอไปละมั้งว่า สิ่งที่เราไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ จะไม่มีอยู่จริง อาจจะมีก็ได้ใครจะไปรู้
"อักษราลัย"
19 February 2020