ย้อนเหตุกราดยิง ปี 2012 ที่สหรัฐอเมริกา ขณะฉายหนังเรื่อง The Dark Knight Rises
เหตุกราดยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012 เกิดขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) มีมือปืนเปิดฉากยิงใส่ผู้ชมภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight Rises (แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด) รอบปฐมทัศน์เที่ยงคืน ที่โรงภาพยนตร์ซินิมาร์ก (Cinemark) ในเมืองออโรรา รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บอีก 58 คน มือปืนสวมชุดเกราะกันกระสุนทั้งตัว และลงมือคนเดียวโดยเดินเข้าไปในโรงภาพยนตร์และปล่อยระเบิดแก๊สน้ำตา จากนั้นจึงเปิดฉากยิงใส่ผู้ชมภาพยนตร์ด้วยอาวุธปืนหลายประเภท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถจับกุมมือปืนได้หลังโรงภาพยนตร์โดยมือปืนชื่อ นายเจมส์ อีแกน โฮมส์ เป็นนักศึกษาปริญญาเอกอายุ 24 ปี การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ยิงกันที่มีเหยื่อ (รวมผู้บาดเจ็ดและผู้เสียชีวิต) มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา
ล่างซ้าย: แผนที่ของรัฐโคโลราโดกับเมืองเดนเวอร์ มีวงกลมเน้นที่เมืองออโรรา
บน: แผนที่บริเวณกลางเมืองออโรรา
ล่างขวา: ห้างสรรพสินค้าออโรราทาวน์เซนเตอร์และโรงภาพยนตร์เซนจูรี 16
โรงภาพยนตร์เซ็นจูรี 16 ที่ใจกลางเมืองออโรรา
การกราดยิงเกิดขึ้นที่โรงภาพยนตร์โรงที่ 9 ในโรงภาพยนตร์เซนจูรีซิกซ์ทีน (Century 16) ที่อยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าทาวน์เซนเตอร์ แอตออโรรา (Town Center at Aurora) ผู้ลงมือซื้อตั๋วภาพยนตร์แล้วเดินเข้าไปในโรง 9 แล้วเดินออกไปยังทางออกฉุกเฉิน เปิดประตูทิ้งไว้ เพื่อไปหยิบปืน และเปลี่ยนชุดจากรถที่จอดอยู่ใกล้ประตูทางออกพร้อมกับเอาอาวุธจากรถของเขาที่จอดอยู่หลังทางออก หลังจากที่ภาพยนตร์ฉายไปประมาณครึ่งชั่วโมง คนร้ายจึงกลับเข้ามาในโรงภาพยนตร์ โดยใส่ชุดสีดำ พร้อมหมวกเหล็กกันกระสุน เสื้อกั๊กบรรจุสัมภาระ ปลอกคอป้องกันสุนัขกันกระสุน เล็กกิ้งกันกระสุน กระจับ หน้ากากกันแก๊ส และถุงมือทางยุทธวิธี ตามคำพูดของแดน โอตส์ ผู้บัญชาการตำรวจเมืองออโรรา ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นมือปืนเป็นอันตรายในตอนแรกเมื่อเขาเดินเข้ามาในโรงภาพยนตร์ เนื่องจากเขาสวมชุดที่ดูเป็นเครื่องแบบ ซึ่งก็มีผู้ชมคนอื่นที่แต่งตัวในลักษณะคล้ายกันเพื่อมาชมภาพยนตร์ จึงคิดกันว่ามือปืนคนนี้แค่แกล้งทำเฉยๆ จนกระทั่งเขาปล่อยระเบิดแก๊สออกมา แล้วเริ่มยิงปืน แต่แม้ถึงตอนนั้น ก็ยังมีผู้ชมบางคนที่คิดว่ามือปืนกำลังทำการโปรโมตภาพยนตร์ และการยิงปืนคือการใช้สเปเชียลเอฟเฟคเพื่อโปรโมตหนังในรอบปฐมทัศน์ของทางผู้ผลิตหรือของทางโรงภาพยนตร์เอง
การโจมตีเริ่มขึ้นเวลา 00.38 น. มือปืนเปิดการโจมตีด้วยการปากระป๋องที่ปล่อยแก๊สหรือควันที่บดบังทัศนวิสัยของผู้ชมภาพยนตร์ ทำให้พวกเขาเกิดอาการคันคอและผิวหนัง และทำให้ตาระคายเคือง แล้วเขาก็ใช้ปืนลูกซองเรมิงตัน โมเดล 870 ขนาด 12 เกจยิงขึ้นไปบนเพดานก่อนที่จะยิงผู้ชม และยังใช้ปืนเล็กยาวสมิธแอนด์เวสสัน เอ็มแอนด์พี 15 ที่มีซองกระสุนรูปกล่องขนาด 100 นัด ในการยิงด้วยแต่อาวุธเกิดขัดลำกล้องหลังจากที่ยิงไปประมาณ 30 นัด อาวุธสุดท้ายที่เขาใช้คือปืนพกกล็อก 22ลำกล้องขนาด .40 โดยยิงไปที่หลังโรง ก่อนจะยิงใส่คนที่อยู่ระหว่างแถวที่นั่ง มีกระสุนบางนัดเจาะทะลุผนังโรงออกไปโดนผู้ชมในโรง 8 ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังฉายภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน พยานให้การว่าหลังการโจมตีเกิดขึ้นไม่นาน สัญญาณเตือนภัยของโรงภาพยนตร์ก็ดังขึ้น และมีพนักงานบอกให้ผู้ชมในโรง 8 ทำการอพยพ พยานอีกคนหนึ่งกล่าวว่าเธอไม่กล้าออกไปเพราะมีคนตะโกนเตือนไม่ให้ออกไป เพราะคนร้ายอยู่ในล็อบบี้
มีโทรศัพท์ที่โทรไปแจ้งเหตุฉุกเฉินสายแรกเวลา 00.39 น. ตำรวจมาถึงในอีก 90 วินาทีต่อมาและทำการจับกุมผู้ต้องหาได้เวลา 00.45 น. และพบซองกระสุนปืนพกขนาด .40 อย่างน้อย 3 ซอง, ปืนลูกซอง 1 กระบอกและซองกระสุนรูปกล่อง 1 ซองอยู่บนพื้นในโรงภาพยนตร์ มีผู้อยู่ในเหตุการณ์บางคนรายงานเหตุยิงกันผ่านทวิตเตอร์และเอสเอ็มเอสแต่ไม่ได้แจ้งตำรวจ ตำรวจชุดแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุบางส่วนตัดสินใจไม่รอรถพยาบาลและนำผู้บาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาลก่อนด้วยรถสายตรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายโฮมส์ในเวลา 00.45 น. บริเวณหลังโรงภาพยนตร์ข้างๆ รถของเขาเอง อย่างไม่มีการขัดขืน องค์กรรักษากฎหมายจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สององค์กรบอกกับเอบีซีนิวส์ว่าผู้ต้องสงสัยทำผมสีแดง และเรียกตัวเองว่า "โจ๊กเกอร์" ตัวร้ายในเรื่องแบทแมน แต่ต่อมาทางการปฏิเสธที่จะยืนยันเรื่องนี้ สามวันต่อมา นายโฮมส์ปรากฏตัวในศาลเป็นครั้งแรกที่เมืองเซ็นเท็นเนียล รัฐโคโลราโด ในผมสีส้มอมแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธหลายกระบอกภายในรถของผู้ต้องหา รวมถึงปืนพกกล็อก 22 อีกหนึ่งกระบอก หลังเกิดเหตุ โฮมส์ถูกควบคุมตัวในสถานกักกันอะแรพาโฮเป็นการชั่วคราว ภายใต้การเฝ้าระวังการฆ่าตัวตาย ตำรวจทำการสอบปากคำพยานกว่า 200 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ตำรวจฝ่ายสืบสวนเชื่อว่ามือปืนลงมือด้วยตัวเอง และไม่ได้มีส่วนในขบวนการก่อการร้ายใดๆ ผู้ต้องหาชื่อเจมส์ อีแกน โฮมส์ โดย 60 วันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ยิง โฮมส์ซื้อกระสุนมากว่า 6,000 นัด โดยทั้งอาวุธและกระสุนที่ใช้ในการยิงครั้งนี้ โฮมส์ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยซื้อปืนจากร้านปืนท้องถิ่น และซื้อกระสุนจากอินเทอร์เน็ต
ข่าวกราดยิงที่เทอร์มินอล 21 นครราชสีมา
อ้างอิงจาก: https://youtu.be/9z_eRpBVTUE
https://youtu.be/09IKkHvseP4
https://youtu.be/nSS3WwsV2UE
https://youtu.be/EZhvmy97dTI
https://youtu.be/Z-2fCz-LfFc