พระกระยาหารจานโปรดของพระนางซูสีไทเฮา
พระกระยาหารของพระนางซูสีไทเฮา แห่งราชวงศ์ชิง เป็นที่รู้กันว่าไม่เพียงแต่พิถีพิถันแล้ว ยังอลังการงานสร้าง เพียบพร้อมทั้งแง่ปริมาณและคุณภาพ รายละเอียดในพระกระยาหารที่น่าสนใจคือ องค์ประกอบในเมนูที่ว่ากันว่าเป็นที่โปรดปรานของพระนาง และว่ากันว่าเป็นเคล็ดลับที่ช่วยรักษาสุขภาพความงาม
พระกระยาหารของจักรพรรดิและราชวงศ์ในพระราชวังจีนขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราจนเป็นที่สนใจของคนทั่วไป เมนูหลายอย่างถูกนำมาประยุกต์หรือถอดสูตรมาผลิตจำหน่ายในภัตตาคารชั้นเลิศทั่วเอเชีย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่หลายคนพิจารณาคือวัตถุดิบที่นำมาปรุงพระกระยาหารนั้นล้วนพิถีพิถัน เมื่อราชวงศ์มีทั้งอำนาจและการเงินย่อมสามารถหาคนครัวชั้นยอดมาใช้งานได้
อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์มีข้อมูลเพียงพอจะสันนิษฐานได้ว่า อาหารที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในพระราชวังสมัยราชวงศ์แมนจูคือเมนู “หม้อไฟ” ข้อมูลหลายแหล่งสะท้อนถึงความนิยมนี้ มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ในปี ค.ศ. 1279 ทหารมองโกลที่หิวโหยกำลังพักผ่อนและเตรียมอาหารในแคมป์ทหาร ทันใดนั้นเกิดเสียงกลองดังลั่นเป็นสัญญาณแจ้งว่าข้าศึกกำลังเดินทัพใกล้เข้ามาแล้ว ทหารที่หิวโหยจัดการโยนเนื้อวัวและเนื้อแกะลงในหม้อที่น้ำกำลังเดือดปุด จากนั้นก็รับประทานให้เร็วที่สุดเพื่อเป็นกำลังสำหรับสู้ศึก
กองทัพมองโกลอันเกรียงไกรสามารถพิชิตแผ่นดินฮั่นในภายหลัง และสถาปนาราชวงศ์หยวนปกครองจีนระหว่างปี 1271-1368 เรื่องราวเกี่ยวกับต้นกำเนิดของหม้อไฟในจีนยังเกี่ยวข้องกับอาหารที่ใช้รับประทานในช่วงหน้าหนาว กระทั่งอีก 300 ปีต่อมา ในราชวงศ์ชิง ห้องครัวในพระราชวังต้องห้ามยังใส่เมนูหม้อไฟ หรือหม้อร้อน ในพระกระยาหารของจักรพรรดิอยู่เสมอ ในแต่ละมื้อต้องมีเมนูนี้ไม่ต่ำกว่า 1 จานโดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว
ในช่วงพระนางซูสีไทเฮากุมอำนาจ เป็นเรื่องที่ทราบกันดีว่าพระนางโปรดปรานและพิถีพิถันเรื่องสุขภาพ การกิน และความงาม องค์ประกอบจำเป็นสำหรับเรื่องการบำรุงพระวรกายของพระนางซูสีไทเฮา ซึ่งเป็นข้อมูลที่เล่าสืบต่อกันมาพูดถึง 3 สิ่ง คือ น้ำนมคน, ผงมุข และดอกเบญจมาศ หรือดอกเก๊กฮวย (chrysanthemum)
ในตำราการแพทย์จีนระบุถึงดอกเก๊กฮวยว่ามีสรรพคุณลดอุณหภูมิร่างกายและบำรุงผิวพรรณ อีกทั้งยังช่วยขับถ่ายพิษในร่างกาย
สำหรับพระนางซูสีไทเฮา มีข้อมูลจากบันทึกของคนใกล้ชิดของพระนางระบุว่า ดอกเบญจมาศเป็นที่โปรดปรานของพระนางซูสีไทเฮาอย่างมาก ในวิถีชีวิตประจำวันของพระนางมีดอกเบญจมาศเป็นองค์ประกอบตั้งแต่การล้างมือ ไปจนถึงการเสวยพระกระยาหาร พระนางโปรดให้คัดดอกเบญจมาศสดจากพระราชวังในฤดูหนาวมาเสวยด้วย โดยพระนางรับสั่งให้นำกลีบมาโปรยในน้ำซุปที่กำลังเดือด นอกจากจะทำให้น้ำซุบมีกลิ่นหอมแล้ว ยังมีผลต่อรสชาติ และบำรุงสุขภาพตามความเชื่อตามตำราแพทย์จีน
การปรุงพระกระยาหารด้วยดอกเบญจมาศยังไปจนถึงผสมในการดื่มชา (ซึ่งดื่มกันทั่วไป) จากนั้นก็เริ่มแพร่หลายไปสู่ชาวบ้านทั่วไป เมนูหม้อไฟผสมกลีบดอกเบญจมาศยังได้รับความนิยมในช่วงปลายราชวงศ์ชิงด้วย
อ้างอิงจาก: จ้าวกว่างเชา. ร้อยเรื่องราววังต้องห้าม. แปลโดย อชิรัชญ์ ไชยพจน์พานิช และชาญ ธนประกอบ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน, 2560