ฮีโร่เผชิญหน้าโจรชิงทอง ที่แท้เป็นคนช่วย น้องไทตัล ส่งโรงบาล แต่ผิดหวังคนรุมด่ายับ
จากกรณีคดีสะเทือนขวัญคนร้ายใช้อาวุธปืนสั้นติดที่เก็บเสียง บุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขา จ ลพบุรี ต กกโก อ เมือง จ ลพบุรี ยิงพนักงานหญิง ลูกค้าภายในห้าง และเด็กชายวัย 2 ขวบ เสียชีวิตรวม 3 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 4 ราย เกิดเหตุเมื่อเวลา 20 30 น วันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
วันที่ 13 มกราคม 63 นายติ้ง นามสมมติ พลเมืองดี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยในรายการต่างคนต่างคิดว่า ในวันเกิดเหตุขับรถกระบะพาแฟน และหลาน วัย 7 ขวบ มาที่ห้างฯ ขณะจอดรถอยู่ที่ลานจอด เห็นคนร้ายขี่รถจยย.ผ่านมาจอด ห่างจากจุดที่ตนจอดรถไม่ไกลมากนัก จากนั้นก็เห็นคนร้ายสะพายเป้ หยิบปืนออกจากเอวเดินเข้าห้างไปทันที ตนจึงรีบบอกให้หลานอยู่แต่ในรถอย่าออกไปไหน และตนได้รีบตามคนร้ายไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ตนยื่นอยู่นอกห้างบริเวณหน้าประตูเห็นคนร้ายกระโดดขึ้นไปยืนบนเคาน์เตอร์ร้านทอง
จังหวะนั้นตนคิดว่าจะไปถีบรถจยย.ของคนร้ายให้ล้มเพื่อถ่วงเวลา แต่ไม่ทันเพราะคนร้ายใช้เวลาเร็วมากในการปล้น และเดินออกมาพอดี ทำให้ตนต้องรีบวิ่งหนีกลับไปหลบหลังรถ ก่อนที่คนร้ายจะขึ้นรถจยย ขี่หลบหนีออกไป ในจังหวะนั้นจะขับรถตามไปชนรถคนร้าย แต่ก็ห่วงหลานที่นั่งอยู่ในรถเกรงว่าจะได้รับอันตราย
นอกจากนี้ ช่วงเกิดเหตุแฟนตนอยู่ในห้างบอกว่ามีเด็กถูกยิงตนเข้าไปเจอน้องไทตัลกับแม่ จึงอาสาพาไปส่งโรงพยาบาลทันที ตนให้น้องไทตัลกับแม่นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ส่วนหลาน 7 ขวบของตนนั่งแคปด้านหลัง สถานการณ์ตอนนั้นแม่ของน้องไทตัลมีอาการช็อก ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนใจจะขาดตลอดทาง ตนรีบขับไป 3 นาที ถึงโรงพยาบาลเมืองนารายณ์ 20 50 น ตอนนั้นน้องไทตัลนิ่งไปแล้ว ก่อนจะส่งถึงมือหมอ แต่เสียความรู้สึกที่บางคนไม่รู้ว่าตนช่วยเด็ก แล้วมาต่อว่าหาว่าโกหกสังคม
จากนั้น ขณะขับรถออกจากโรงพยาบาลกำลังจะกลับมาที่ห้างโรบินสัน เห็นรถกระบะตำรวจขับตาม และบีบแตรเสียงดังไล่ตามตนมา ตำรวจลงมา 3 คน ตนจึงจอดรถแล้วลงไปยกมือไหว้ตำรวจ บอกว่าตนไม่ใช่คนร้าย แต่ตำรวจเข้าใจผิด จับข้อมือตนขัดหลัง ให้ตนยืนหน้าแนบกับรถกระบะ ขณะนั้นตนได้ยินเสียงวิทยุตำรวจแจ้งว่าคนร้ายขี่จักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีแดงขาว ไม่ใช่รถยนต์ ตำรวจจึงปล่อยตัวตน แล้วกล่าวขอโทษตน ก่อนจะกลับมาที่ห้าง
นอกจากนี้ นายติ้ง เปิดเผยหลังจบรายการต่างคนต่างคิดว่า หมวกไหมพรมที่ตกอยู่ในละแวกใกล้ห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุ ตนคิดว่าไม่ใช่ของคนร้าย เพราะถูกทิ้งไว้ใกล้ที่เกิดเหตุเกินไป เพราะตนเห็นคนร้ายใส่หมวกไหมพรมลักษณะรัดรูป เห็นเพียงดวงตาของคนร้าย แต่หมวกไหมพรมที่ตกอยู่ ช่องมองเปิดกว้าง เห็นทั้งคิ้วและดั้งจมูกด้วย ซึ่งตนได้ให้ข้อมูลกับตำรวจแล้ว
ทั้งนี้ กระแสสังคมบอกว่าตนช่วยแล้วแต่ช่วยไม่สุดนั้น เพราะตนห่วงหลาน 7 ขวบที่นั่งในรถกระบะ ซึ่งหลานก็ได้ยินเสียงขณะเกิดเหตุตลอด แต่อาจจะยังไม่รู้เหตุการณ์ และคนร้ายก็ไม่น่าจะเห็นหลานตน นอกจากนี้ ตนไม่ได้กุข่าวเพราะมีกล้องวงจรปิดของห้างยืนยัน แต่ไม่ได้นำมาเผยแพร่ เนื่องจากเป็นหลักฐานของตำรวจ และตนยืนยันเหตุการณ์ได้ทั้งหมด แม่ของน้องไทตัล 2 ขวบที่เสียชีวิตก็ยืนยันได้ว่าตนไม่ได้โกหก
อย่างไรก็ตาม ส่วนกระแสดราม่าถามตนว่าทำไมไม่เอารถคนร้ายไปซ่อน หรือไม่ยอมปล่อยลมยางรถคนร้าย ตนมองว่าเป็นการคิดตื้น ๆ