เรื่องหลอน คนโดนของ
เรื่องนี้มาจากคุณ Wanchai Sali สมาชิกกลุ่ม TheHOUSE ครับ คุณ Wanchai เล่าว่า.. เมื่อหลายปีก่อน ผมมีโอกาสได้เห็นสิ่งลี้ลับ สิ่งที่วิทยาการล้ำหน้าก็ไม่อาจบอกได้ว่ามันคืออะไร? วันหนึ่ง ครอบครัวผมได้รับข่าวจากจันทบุรี ว่าน้องสาวคนเล็กของแม่ผม จู่ๆ ก็มีอาการเซื่องซึม พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ครอบครัวผมจึงพากันไปเยี่ยม
พอไปถึง ภาพแรกที่เห็นคือน้องสาวแม่แกนั่งซึม ไม่พูดไม่จา ร่างกายซูบโทรม มือก็ถอนผมบนหัวที่ละเส้นๆ จนผมบางเกือบจะล้าน และที่สำคัญคือแกทำเหมือนไม่รู้จักพวกเรา.. ญาติๆ เล่าว่า ก่อนหน้านี้พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลมาแล้ว ก็ไม่ได้เรื่อง ทุกคนจึงลงความเห็นกันว่า ‘โดนของ’ จะลองพึ่งพาไสยศาสตร์ดู ต้องหาคนที่มีวิชาอาคมมาช่วย 2 วันต่อมา ก็ได้ติดต่อกับหมอผีท่านหนึ่งที่คนรู้จักแนะนำมา แต่ว่าอยู่ทางใต้ เลยตกลงกันว่าจะพาน้องสาวแม่ไป แต่พวกเราไม่สามารถพาแกขึ้นรถได้ เพราะแกต่อสู้ขัดขืน ถึงขนาดช่วยกันจับ 6-7 คน ก็สู้แรงแกไม่ได้ จึงละความพยายาม เปลี่ยนเป็นตีรถลงใต้ไปรับหมอมาแทน
จันทบุรี – นครศรีธรรมราช – จันทบุรี
พอรับหมอผีมาถึงบ้าน ทันทีที่หมอผีก้าวลงจากรถ น้องสาวแม่แกกระโดดหน้าต่างหนีไปเฉยๆ ญาติๆ ต่างวิ่งตามไล่จับ แต่ก็ไม่ทัน หาไม่เจอ หมอผีบอกว่าเดี๋ยวจะหาเอง.. สุดท้ายเราไปเจอน้องสาวแม่นั่งหลบอยู่ใต้โคนต้นเงาะข้างทางสามแพร่งเล็กๆ เมื่อแกเห็นหมอผี แกก็รีบลุกวิ่งหนีกลับไปบ้าน แต่หมอผีบอกไม่ต้องตาม ให้ช่วยกันหาของสิ่งหนึ่งรอบๆ ต้นเงาะ พวกเราก็ช่วยกันหา จนไปเจอห่อผ้าขาว ข้างในมีเส้นผมอยู่กระจุกหนึ่ง จากนั้นก็พากันกลับไปที่บ้าน
เมื่อไปถึงหน้าบ้านตรงหัวบันไดทางขึ้น หมอผียกมือขึ้นพนม ท่องคาถาที่ผมเองก็ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่นาน น้องสาวแม่ก็ค่อยๆ คลานออกมาจากห้อง และค่อยๆ คลานลงบันไดมาอยู่ตรงหน้าหมอผี.. จากการสอบถาม หมอผีแกว่า สิ่งที่มาเข้าร่างนี้คือผีตายโหง ชื่อ… มีคนพาเขามาจากสุรินทร์ เพื่อนำมาให้โทษกับน้องสาวแม่ เขา (ในร่างน้องสาวแม่) บอกหมอผีว่าอย่าทำเขา เขากลัว เขาถูกบังคับมา หมอผีบอก ถ้ายอมออกจากร่างหมอจะพาไปด้วย และจะทำพิธีปลดปล่อยให้ ซึ่งเขาก็เชื่อ แต่ขอให้หมอผีสัญญาว่าไม่โกหก หมอผีก็รับคำ.. ไม่นาน พวกเราทุกคนตรงนั้นก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นกลุ่มควันขะมุกขะมัวสีดำ โชยออกมาจากหัวของน้องสาวแม่ และลอยไปที่ห่อผ้าที่หมอผีตั้งไว้บนดิน จากนั้นน้องสาวแม่ผมก็กลับมาปกติเหมือนเดิม นั่งมองไปรอบๆ เหมือนงงว่าเกิดอะไรขึ้น?
ผมคงจะไม่เชื่อเลย ถ้าไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้กับตาตัวเองจริงๆ
อ้างอิงจาก: https://www.thehouse.online/story622/