เรื่องหลอนยามค่ำคืน สิงสู่
คืนนี้แอดขอหยิบเอาบทความน่าสนใจมาแชร์ให้อ่านกัน เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องของการถูกผีเข้า ผีสิง แน่นอนว่ามันพิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่แปลกใจไหมว่า ทำไมทั่วโลกถึงมีเรื่องราวอะไรแบบนี้เกิดขึ้นเหมือนๆ กัน ต่างศาสนา ต่างเชื้อชาติ ก็มีการถูกผีเข้าเหมือนๆ กัน ลองอ่านบทความนี้ดู เรื่องเกี่ยวกับการ สิงสู่ ในหลากหลายรูปแบบ..
“การสิงร่าง” คือการที่มีวิญญาณเข้าครอบงำร่างชั่วคราว โดยที่เจ้าของร่างยังคงรู้สึกตัวอยู่ แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หากว่าเจ้าของร่างเป็นคนจิตอ่อน หรือไม่ได้รับการช่วยเหลือ ก็อาจจะถูกวิญญาณนั้นกลืนกิน และยึดร่างไปในที่สุด เมื่อร่างเดิมใช้การไม่ได้แล้ว วิญญาณร้ายก็อาจจะออกจากร่างไปหาร่างใหม่เข้าสิงสู่ โดยที่ร่างเก่าได้ตายไปแล้ว
“การสวมร่าง” คือการที่วิญญาณเจ้าของร่างเดิมได้ออกไปแล้ว ได้เสียชีวิตไปแล้ว และวิญญาณดวงใหม่เข้ามาสวมร่างแทนที่ อาจเป็นแค่ชั่วคราว หรือตลอดจนสิ้นอายุขัย ซึ่งมีปรากฏให้เห็นอยู่เหมือนกันว่า ร่างที่ถูกสวมจะค่อยๆ เน่าเสีย หรือเกิดการต่อต้านวิญญาณที่เข้ามาสวมร่างในที่สุด
“การเกาะร่าง” คือการที่วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรเข้ามาเกาะอยู่กับตัวคนๆ นั้น โดยที่อาจจะทำเรื่องดี หรือเรื่องร้ายให้แก่ชีวิตคนๆ นั้นก็ได้ อาจมาในรูปแบบเทพ เทวดาปกปักษ์รักษา หรือแม้กระทั่งวิญญาณที่หวังจะจองเวรคนๆ นั้นจากอดีตชาติ หรือในชาตินี้ก็ตาม ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ ก็คือที่เราเห็นผีขี่คอในหนัง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ นั่นเอง
“การรวมร่าง” คือการที่เปิดให้วิญญาณ หรือองค์เทพต่างๆ ใช้ร่างกายคนผู้นั้น เพื่อสื่อสารกับคนเป็น หรือเพื่อกระทำการใดๆ ก็ตามที่คนๆ นั้นไม่สามารถทำได้ ร่างกายจึงเป็นเหมือนภาชนะใส่ของ ยกตัวอย่างเช่น พวกร่างทรงต่างๆ
“การควบคุมวิญญาณ” คือการที่ถูกมนต์สะกดบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ อย่างเช่นพวกตุ๊กตาวูดู ที่คนเล่นมนต์ดำใช้มันเพื่อบังคับให้คนๆ นั้นทำอะไรตามที่คนทำพิธีต้องการ หรือแม้กระทั่งการทำร้ายคนๆ นั้นก็สามารถทำได้ ผ่านการควบคุมจากพิธีกรรม จะเรียกได้ว่าเป็นการไล่ให้วิญญาณของเจ้าของเดิมออกไป หรือการฆ่าให้ตายนั่นเอง
“การเกิดก่อนตาย” คือการเข้ามาเกิดแทนที่ทารกที่กำลังจะลืมตาดูโลก โดยที่ทารกนั้นอาจจะเสียชีวิตไปก่อนหน้า แล้ววิญญาณเร่ร่อนก็อาศัยจังหวะนั้นเข้าสวมร่างแล้วเกิดมาเป็นทารกแทน ตามความเชื่อโบราณนั้น เวลาตกฟากจะมีการทำพิธีกรรมเพื่อมิให้สัมภเวสีมาขัดขวางการเกิดของทารก ไม่แน่..ลูกที่คุณเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด อาจไม่ใช่ลูกของคุณจริงๆ ก็เป็นได้
ต่อไปมาดู ศาสตร์แห่งการสิงสู่ ที่จะพูดถึงอาการ ‘ผีเข้า’ ที่มีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่ว่าวิญญาณที่เข้าร่างเป็นวิญญาณประเภทใด..
1. วิญญาณดี
จะซึมผ่านกลางกระหม่อม ความชาเสียวหนืดๆ เหมือนสว่านเจาะเข้าไปในสมอง ซึมซ่านไปทั่วตัว กรณีนี้ร่างกายจะยินยอมให้วิญญาณเข้ามา อยู่ร่วมกันชั่วครู่ วิญญาณดีบางตัวจะส่งอำนาจจิตส่องมาเป็นลำแสง กระแสพลังดั่งแสงไฟพวยพุ่งมาจากดินแดนไกลโพ้น วิ่งเป็นทางยาวเข้าคลุมร่างนั้น คล้ายโทรจิต หรือพลังทิพย์บังคับจิต และร่างให้ทำตามคำสั่ง ผู้ถูกเข้าครองร่าง จะมีอากาคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่น ร่างกายไม่สามารถกระดุกกระดิกได้ ไม่สามารถสั่งการตนเองได้ จะพูดตามสิ่งที่วิญญาณนั้นสั่งมาโดยไม่ต้องคิด วิญญาณบีบบังคับเข้าร่าง จะบีบจนร่างรู้สึกปวดศีรษะ หน้ามืด หมดสติ วิญญาณจะแทรกซึมเข้ามาในช่วงเวลานั้น
2. วิญญาณไม่ดี
เวลาเข้าร่างจะเกาะที่ท้ายทอยตอนท้ายของสมอง ที่เรียกว่าต่อมเมดุลล่า ทำหน้าที่เหมือนกาฝากค่อยๆ ซึม และฝั่งรากงอกเข้าไปในกายเนื้อเรา แรกๆ จะมีอาการหนักท้ายทอยก่อน เมื่อซึมได้ที่ ก็จะกำเริบขึ้นมาอาละวาด จะรู้สึกว่ามีลมเย็นๆ มาปะทะที่หลัง ขนลุกเกรียว หนาวๆ ร้อนๆ และหนักท้ายทอย
วิญญาณบางตัวจะกระแทกเข้าบีบหัวใจให้หยุดเต้นไปชั่วขณะหนึ่ง ช่วงแว่บเดียวนั้น วิญญาณจะแทรกผ่านเข้าไปทันที หัวใจจะรู้สึกเสียวปวด วิญญาณไม่ดีอาจซึมขึ้นมาทางมือ จะมีอาการชาแบบเหน็บกินมือ เลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วลามจนชาไปทั้งตัว สุดท้ายก็เข้าควบคุมจนร่างหมดสติ ส่วนวิญญาณชั้นต่ำมักซึมผ่านทางเท้าขึ้นมา แล้วค่อยๆ ชาเหมือนเหน็บกินเรื่อยๆ ไป ชาทั้งตัวจนหมดสติ ให้เข้าสวมร่างในที่สุด
วิญญาณบางชนิดมาแบบแฝงเป็นเงาตามตัว วิญญาณจะอยู่ในลักษณะร่างไปไหนก็ตามติดไปทุกที่ด้วย บางครั้งเกาะหลังไปเหมือนเงาตามตัว ส่วนมากจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้ รอจังหวะให้เจ้าของร่างจิตตก อ่อนแอ หรือมีเรื่องมากระทบใจ กลุ้มใจจนดวงแตก ช่วงนั้นวิญญาณจะเข้าสิงร่าง ถึงไม่เข้าสิงก็จะทำลายดวงให้ทำสิ่งใดก็ไม่สำเร็จ หน้าตาหมองคล้ำ มีแต่ความฉิบหาย
วิญญาณที่กล้าแกร่งจะเข้าเบียดเบียนร่าง ด้วยพลังจิตที่แรงกล้า จะแผ่คลุมกระแทกวิญญาณเจ้าของร่างให้ไปอยู่ข้างๆ กายเนื้อทันทีขณะเข้าร่าง เจ้าตัวจะเห็นดวงไฟกระแทกผ่านหน้าผาก แล้วจึงหมดสติไป วิญญาณใหม่จะเข้าอาศัยร่างนั้น พูดหรือทำงานต่อไป เมื่อหมดธุระแล้วจะถอยจากไป หรือคืนร่างให้เจ้าของเดิม
การเข้าร่างแบบชั่วคราวของวิญญาณเร่ร่อน ไม่เพียงต้องการควบคุมเจ้าของร่าง ต้องการยืมร่างเพื่อใช้งาน มันยังต้องการพลังงานจากร่างนั้นๆ มันจะตระเวนสูบพลังงานจากร่างชั่วคราวที่ไม่ใช่เป้าหมาย โดยเลือกเหยื่อที่มีจิตอ่อน กำลังจิตตก หรือมีปัญหาทางจิตใจ ‘นั่นเพราะความอ่อนแอของจิตคืออาหารอันโอชะของวิญญาณ..’
กระบวนการทั้งหมด ก็เพื่อเข้าสิงร่างที่มันเล็งไว้อย่างถาวร ตามตำราบอกว่า วิญญาณอาจเลือกจากความแข็งแรงของร่างกาย ความสมบูรณ์ของร่าง อายุ หรือบางที เจ้าของร่างนั้น และวิญญาณอาจเคยเกี่ยวข้องผูกพันกันมา เช่นเคยฆ่า ทำร้าย บุกรุก หรือแย่งชิงสิ่งใดสิ่งหนึ่งของกันและกันมาแต่อดีตชาติ
อ้างอิงจาก: https://www.thehouse.online/story597/